สกุลเงินยูโรร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าสเปนอาจจะต้องขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากเจ้าหนี้ต่างประเทศ นอกจากนี้ ยูโรยังได้รับแรงกดดันจากข่าวมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของเยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.32% แตะที่ 1.2117 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.2156 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 0.71% แตะที่ 1.5508 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5619 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.11% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 78.360 เยน จากระดับ 78.450 เยน และแข็งค่าขึ้น 0.285% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9908 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9880 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 1.09% แตะที่ 1.0259 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0372 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 1.46% แตะที่ 0.7876 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7993 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยูโรโซน หลังจากมีรายงานว่าแคว้นบาเลนเซียของสเปนจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือฉุกเฉินจากรัฐบาลกลางของสเปน ซึ่งส่งผลเกิดความวิตกว่าสเปนอาจจะเป็นรายต่อไปที่จะต้องขอความช่วยเหลือจากกองทุนช่วยเหลือของภูมิภาค เนื่องจากรัฐบาลกลางสเปนอยู่ในภาวะย่ำแย่อยู่แล้วจากปัญหาหนี้สาธารณะ
ธนาคารกลางสเปนเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสเปนในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ ปรับตัวลง 0.4% จากไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 2 ปี 2554 เศรษฐกิจของสเปน ที่หดตัวลง 1.0% เนื่องจากสเปนได้ใช้มาตรการรัดเข็มขัดที่เข้มงวดอย่างต่อเนื่อง
ส่วนในด้านของกรีซนั้น กลุ่มเจ้าหนี้ของกรีซจะประชุมร่วมกันในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางความไม่เชื่อมั่นว่ากรีซจะสามารถทำตามข้อตกลงด้านการให้ความช่วยเหลือ โดยกลุ่มทรอยก้า ซึ่งประกอบไปด้วยคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี), ธนาคากลางยุโรป (อีซีบี) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) จะเดินทางถึงกรุงเอเธนส์ในวันนี้
นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังได้รับแรงกดดันหลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของเยอรมนี, เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก ลงสู่ "เชิงลบ" จากเดิมมีเสถียรภาพ โดยระบุถึงความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซน
มูดีส์เปิดเผยในแถลงการณ์ว่า การตัดสินใจปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของทั้ง 3 ประเทศในครั้งนี้ มูดีส์พิจารณาจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นว่า กรีซอาจจะต้องออกจากกลุ่มยูโรโซน ซึ่งจะก่อให้เกิดภาวะ "วิกฤตการณ์ภาคการเงินแบบลูกโซ่" และจะทำให้เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก และประเทศอื่นๆที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงสุดนั้น ต้องแบกรับภาระในการให้ความช่วยเหลือ