นายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ เผยภาวะการค้าต่างประเทศในเดือน มิ.ย.55 การส่งออกมีมูลค่า 20,128.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 2.50% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 20,678 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 4.41% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่การส่งออกในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-มิ.ย.55) มีมูลค่า 112,622.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ยังติดลบ 1.66% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 122,966.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 10.28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ดุลการค้าช่วง 6 เดือนแรก ขาดดุลรวมทั้งสิ้น 10,344 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์
รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า สาเหตุที่ช่วงครึ่งปีแรกขาดดุลสูงถึง 10,344 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นผลจากการน้ำเข้าเชื้อเพลิง สินค้าทุน เครื่องมือเครื่องจักรที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย แต่ขาดว่าช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มการส่งออกจะดีขึ้น เฉลี่ยเดือนละ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
"หากภาวะเศรษฐกิจของอียูยังทรงตัวในระดับนี้เชื่อว่าการส่งออกของเราในช่วงครึ่งปีหลังแต่ละเดือนจะแตะที่ระดับ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ" นายภูมิ กล่าว
ปัจจัยที่ส่งผลให้การส่งออกในเดือน มิ.ย.55 ลดลงเกิดจากการลุกลามของปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจยุโรป ส่งผลกระทบต่อการผลิตและจำหน่ายสินค้าในหลายประเทศ ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของไทย อาทิ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป เอเชียใต้ เกาหลีใต้ ไต้หวัน รัสเซีย และ CIS นำเข้าสินค้าจากไทยลดลง โดยเฉพาะในหมวดสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรที่ลดลง 19.8% ได้แก่ ข้าว ลดลง 49.2%, ยางพารา ลดลง 31.4%, กุ้งแช่แข็งและแปรรูป ลดลง 12.3%, ผักและผลไม้ ลดลง 20%, น้ำตาล ลดลง 23.9% ส่วนสินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เพิ่มขึ้น 14.9%, อาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป(ไม่รวมกุ้ง) เพิ่มขึ้น 5.8%, ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป เพิ่มขึ้น 10.6%
ส่วนการส่งออกหมวดสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 1.9% ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้น 2.2%, เครื่องใช้ไฟฟ้า เพิ่มขึ้น 1.1%, ยานยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่มขึ้น 21.3%, วัสดุก่อสร้าง เพิ่มขึ้น 6.1%, อัญมณีและเครื่องประดับ เพิ่มขึ้น 27.2%, อาหารสัตว์เลี้ยง เพิ่มขึ้น 18.5% ส่วนสินค้าส่งออกที่ลดลง ได้แก่ สิ่งทอ ลดลง 16.2%, ผลิตภัณฑ์ยาง ลดลง 6.4%, สิ่งพิมพ์ กระดาษและบรรจุภัณฑ์ ลดลง 73.2%
โดยการส่งออกไปยังตลาดหลักลดลง 3.7% ตลาดศักยภาพสูงลดลง 4 % ส่วนตลาดศักยภาพระดับรองเพิ่มขึ้น 2%
สำหรับการนำเข้าในเดือน มิ.ย.55 เพิ่มขึ้นจากนำเข้าในหมวดสินค้าเชื้อเพลิง เพิ่มขึ้น 34.5%, หมวดสินค้าทุน เพิ่มขึ้น 11.9% เนื่องจากการผลิตในภาคอุตสาหกรรมของประเทศมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น, หมวดสินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง เพิ่มขึ้น 43.3% เนื่องจากมีการเร่งผลิตเพื่อส่งมอบรถที่ค้างส่งจากปัญหาน้ำท่วมที่ผ่านมา ความต้องการในประเทศและยอดการส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบที่เพิ่มสูงขึ้น
รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ยังไม่พิจารณาปรับเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ที่กำหนดไว้ 15% หากยังไม่มีข้อมูลมาสนับสนุน โดยจะเน้นการทำงานในเชิงรุกเพื่อกระตุ้นยอดส่งออก ด้วยการหาตลาดใหม่เพิ่มเติม และการทำกิจกรรมกระตุ้นการส่งออกทั้งในและต่างประเทศ
"เรายังไม่ปรับ(เป้าหมาย)โดยที่ยังไม่มีข้อมูล เรารู้ว่ายาก แต่ตั้งเป้าไว้เพื่อที่จะพยายามทำให้ได้ แม้ไม่ถึงก็คงใกล้เคียง ถ้าทำเต็มที่แล้วก็มีโอกาสมากที่จะได้ ดีกว่าไปตัดลดลง" นายภูมิ กล่าว