นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงมาตรการแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำว่า ภายในวันที่ 27 ก.ค.นี้จะมีความชัดเจนเรื่องผลหารือของบริษัทร่วมทุนยางระหว่างประเทศที่จะกำหนดมาตรการร่วมกันของผู้ผลิตยางยักษ์ใหญ่ทั้ง 3 ประเทศ คือ ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย โดยอาจจะออกมาในรูปของการจำกัดปริมาณการส่งออก หรือลดผลิตภัณฑ์ยางพาราของแต่ละประเทศ และเมื่อได้ข้อสรุปอย่างไรแล้วผู้รับผิดชอบก็จะแถลงมาตรการดังกล่าวพร้อมกันทั้ง 3 ประเทศในเวลาเดียวกัน
ส่วนมาตรการแก้ไขปัญหาภายในประเทศนั้น หลังจากนี้จะมีการตั้งเวทีเพื่อชี้แจงต่อเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราทั่วประเทศได้รับทราบถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการชี้แจงให้เกษตรกรผู้ปลูกยางพาราในพื้นที่ภาคอีสานไปแล้ว โดยในวันที่ 30 ก.ค.นี้จะมีการชี้แจงที่ จ.พิษณุโลก และภายในสัปดาห์เดียวกันจะขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ไปในทุกจุด ซึ่งเชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี พร้อมทั้งสั่งการให้องค์การสวนยางฯ เพิ่มจุดรับซื้อยางพาราในราคาโครงการ และให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ดูแลให้ความรู้กับสถาบันเกษตรกรที่เกี่ยวข้องด้วย
ทั้งนี้ในที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ตนเองได้เสนอให้นำยางพาราธรรมชาติมาผสมกับยางมะตอยเพื่อราดผิวถนน ซึ่ง รมว.คมนาคม ให้ความสนใจเรื่องนี้ ดังนั้นจะมีการตั้งเวทีศึกษาข้อมูลร่วมกันระหว่างกรมวิชาการเกษตร กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท ในสัปดาห์หน้า ซึ่งผลการศึกษาของกรมวิชาการเกษตรระบุว่า แม้ต้นทุนของวัตถุดิบจะเพิ่มสูงขึ้น 15% แต่อายุการใช้งานของถนนจะนานกว่า ซึ่งถือว่ามีความคุ้มค่า
นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯได้นำเรื่องของสถานการณ์ราคายางพาราให้ที่ประชุมฯ ทราบว่า นับจากรัฐบาลประกาศมาตรการและปรับหลักเกณฑ์ของโครงการในการรับชดเชยผลการขาดทุน ส่งผลให้ราคายางบวกเพิ่มขึ้นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เริ่มต้นสัปดาห์นี้ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.เป็นต้นมา เกิดปัญหาค่าเงินยูโรตกต่ำมากที่สุดในรอบ 12 ปี และวิกฤตเศรษฐกิจในสเปนมีแนวโน้มรุนแรง ส่งผลให้ราคายางทั้งในและต่างประเทศลดลงตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.จนถึงปัจจุบัน