บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อย(บสย.) ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง 3 พันธมิตร คือ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs)ที่มีศักยภาพและต้องการสินเชื่อแต่ขาดหลักประกันให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินได้มากขึ้น โดยทั้ง 3 สภาฯ มีสมาชิก SME กว่า 90,000 ราย
ทั้งนี้ โครงการค้ำประกันสินเชื่อผู้ประกอบการใหม่นี้มีวงเงินช่วยเหลือถึง 10,000 ล้านบาท พร้อมข่าวดีปีแรกรัฐช่วยจ่ายค่าธรรมเนียมให้ 1.75 % สำหรับ SME รายใหม่อีกด้วย
นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง กล่าวว่า หลังจาก บสย.ร่วมมือกับทั้ง 3 สภาฯ แล้วจะมีการปล่อยเงินกู้ให้ SME เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากในอดีตที่ไม่มีการร่วมมือจากฝ่ายใดเลย ส่วนด้านวงเงินให้กู้นั้นทั้งธนาคารของรัฐและธนาคารพาณิชย์ยินดีที่จะปล่อยกู้ เพียงแต่ต้องการให้ SME ปรับระบบบัญชีให้เป็นมาตรฐานมากกว่านี้ เพราะยังมี SME ที่มีระบบบัญชีแบบครอบครัวอยู่ ทำให้การพิจารณาปล่อยกู้ทำได้ยาก
นอกจากนี้ เรื่องที่ บสย.ต้องเข้าไปตรวจสอบแบงก์นั้น คิดว่าจะไม่กระทบกับการบริหารงานภายใน เพราะถือเป็นเรื่องปกติที่ทุกองค์กรต้องตรวจสอบอยู่แล้ว
สำหรับกรณีการยื่นใบลาออกของ นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการธนาคาร SME Bank คาดว่าจะไม่กระทบต่อนโยบายของธนาคารที่ออกมาแล้ว และยังคงดำเนินนโยบายต่อไปได้
นายฉัตรชัย บุญรัตน์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มองภาพรวมของเศรษฐกิจภาคธนาคารในครึ่งปีหลังว่า จะดีกว่าในครึ่งปีแรกมากพอสมควร จากภาวะเศรษฐกิจที่หมุนเวียนดี แต่ทั้งนี้ยังกังวลเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจยุโรป และสหรัฐจะจำกัดการขยายตัวในบางส่วน เช่น ออร์เดอร์การส่งออกที่ลดลงหรือล้าช้าบ้าง แต่ก็ยังมองว่าธนาคารจะยังคงปล่อยสินเชื่อต่อได้ ส่วนจะเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ต้องอาศัยการกระตุ้นของภาครัฐเข้ามาช่วย
นายวิบูลย์ เพิ่มอารยะวงศ์ กรรมการผู้จัดการทั่วไป บสย. กล่าวว่า การร่วมลงนามของ บสย. และ 3 สภาฯ ในวันนี้เป็นการเปิดประตูเข้าหาสมาชิก SME ของแต่ละสภาฯ พร้อมมองการเข้าถึง SME ครั้งนี้ เพื่อสร้างการรับรู้ความเข้าใจ และเข้าถึงข้อมูลปัญหารวมถึงปริมาณความต้องการสินเชื่อ ทำให้ บสย.เข้าใจ SME และสามารถร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์กับธนาคารเพื่อให้ SME กู้เงินได้ในลักษณะ Need-based solution ซึ่งเป็นการช่วย SME ที่เป้าหมายได้โดยตรง
"การค้ำประกันสินเชื่อมองว่าทุกฝ่ายจะมีแต่ Win ทั้ง SME ที่ได้เงินกู้ แบงก์ก็ปล่อยเงินกู้ได้ และ 3 สภาที่สมาชิกดีขึ้น แข็งแรงขึ้นก็ win รวมทั้ง บสย.ก็ได้ทำตามภารกิจ แต่ที่สุดทั้งหมดนี้ทำให้ประเทศไทย win เพราะเงินภาษีทุกอย่างจะเข้ากระทรวงการคลังเข้าประเทศ ทำให้ GDP ของประเทศเพิ่มขึ้น ฉะนั้นถ้าเราไม่ค้ำให้เกิดกิจกรรมทางธุรกิจเหล่านี้ ก็จะไม่มีใครได้อะไรเลย" นายวิบูลย์ กล่าว