บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 ของปีนี้บริษัททำกำไรได้ 1.04 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 26 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งลดลงกว่า 57% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ถึงแม้ฟอร์ดพยายามจะมีผลกำไรจาการดำเนินงานก่อนหักภาษีต่อเนื่อง 12 ไตรมาส รายได้สุทธิในไตรมาส 2 ของปีนี้ก็ยังคงต่ำกว่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ที่มีการรายงานไว้ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วอยู่มาก
ฟอร์ดระบุว่ารายจ่ายด้านภาษีที่เพิ่มขึ้นและผลการดำเนินงานที่ต่ำลงของบริษัทสาขาในยุโรป อเมริกาใต้ เอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา คือสาเหตุที่ทำให้กำไรของบริษัทลดลงกว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์
สิ่งที่ฉุดให้ผลประกอบการของฟอร์ดลดลงมากที่สุดคือผลการดำเนินงานในยุโรปที่ย่ำแย่ โดยขาดทุนถึง 404 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ของปีนี้ ทั้งที่ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ฟอร์ด ยุโรป ทำกำไรได้ถึง 176 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ฟอร์ดคาดการณ์ว่าบริษัทสาขาในยุโรปจะขาดทุนตลอดทั้งปีนี้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจาก "ภาวะแวดล้อมภายนอกที่แย่ลงมาก" และอุปสรรคทางเศรษฐกิจที่ภูมิภาคกำลังเผชิญอยู่
แม้จะมีผลประกอบการเชิงลบในต่างประเทศ แต่ฟอร์ดสาขาอเมริกาเหนือยังคงมีรายได้สุทธิที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบเป็นรายปี โดยผลกำไรก่อนหักภาษีในไตรมาส 2 ของปีนี้อยู่ที่ 2.01 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 1.91 พันล้านดอลลาร์ของปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน