รายงานฉบับหนึ่งของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนเกี่ยวกับการปรับเพิ่มเป้าเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากที่มีการพูดถึงในวงกว้างในประเด็นที่ว่าเฟดควรปรับปล่อยให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นเพื่อช่วยหนุนการจ้างงานที่ย่ำแย่และเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือไม่
นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสรายหนึ่งของไอเอ็มเอฟระบุว่า เฟดได้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ใกล้ 0% นับแต่ปลายปี 2551 จึงเป็นไปไม่ได้ที่เฟดจะใช้เครื่องมือด้านนโยบายการเงินตามปกติ ซึ่งก็คือการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน แบะทำให้เฟดต้องหันมาใช้มาตรการพิเศษมากขึ้น ดังนั้น จึงเป็นแรงจูงใจให้เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายต้องการที่จะปล่อยให้เงินเฟ้อสูงกว่าเป้าที่เฟดกำหนดไว้ที่ 2% ซึ่งอาจจะทำให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น และทำให้เฟดมีโอกาสมากขึ้นที่จะปรับลดอกเบี้ยลง
นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่าเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอาจจะทำให้ค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการปรับตัวขึ้น โดยประเมินว่าหากเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเป็น 4% ค่าใช้จ่ายก็อยู่ที่ราว 0.3% ของรายได้แท้จริง และเมื่อดอกเบี้ยสูงขึ้น ประชาชนก็จะพยายามเลี่ยงการถือครองเม็ดเงินที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย
นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อต้นปีนี้ว่าอาจจะเป็นการดำเนินงานที่ขาดความระมัดระวังในการปล่อยให้เงินเฟ้อเริ่มพุ่งขึ้นอย่างมากเหนือเป้าที่ 2% หลังจากที่เฟดใช้เวลาหลายทศวรรษในความพยายามรักษาเสถียรภาพด้านราคา โดยเฟดจะมีการประชุมกำหนดนโยบายการเงินครั้งต่อไปในวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.