รัฐบาลพอใจภาพรวมแต่ละกระทรวงเตรียมพร้อมสู่ AEC ได้ดี เล็งประสานภาคเอกชนต่อ

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 26, 2012 17:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน 2558 (ASEAN Economic Community : AEC)ว่า ในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนมี 3 ด้าน คือ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ประชาคมด้านวัฒนธรรม และประชาคมด้านความมั่นคงและการเมือง

ซึ่งการหารือในวันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอให้ทุกกระทรวงนำเสนอกลไกทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมต่างๆ ในระดับกระทรวง และขั้นต่อไปคือการบูรณาการข้ามกระทรวง เช่น กลุ่มกระทรวงด้านเศรษฐกิจ 9 กระทรวง จะต้องทำงานให้สอดประสานกัน

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอให้ในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนส.ค.นำความคืบหน้าของแต่ละกระทรวงมาหารือข้ามกระทรวง โดยมีการแบ่งกลุ่มความรับผิดชอบและนำมาเสนอในที่ประชุมใหญ่ และหลังจากนั้นจะมีการทำงานบูรณาการร่วมกับกระทรวงเพื่อเพิ่มรายได้ทางเศรษฐกิจ เพื่อความเป็นอยู่ของประชาชนและให้ประชาชนมีความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

สำหรับการประชุมครั้งนี้ได้แบ่งกลุ่มงานออกเป็น 5 กลุ่ม คือ 1.ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ได้แก่ กระทรวงทางด้านเศรษฐกิจทั้งหมด ซึ่งตนเองจะทำหน้าที่ในการประสานงาน 2.ประชาคมด้านวัฒนธรรม กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะทำหน้าที่เป็นแกนหลัก 3.ประชาคมทางด้านความมั่นคงและการเมือง จะมีกระทรวงการต่างประเทศทำหน้าที่ประสาน 4.งานการทางด้านการเชื่อมต่อระบบโลจิสติกส์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับ 3 หน่วยงานดังที่ได้กล่าวไป โดยมีกระทรวงคมนาคมรับผิดชอบในด้านนี้ และ 5.ด้านทรัพยากรมนุษย์ จะมีกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงแรงงานทำงานร่วมกัน เพื่อเตรียมบุคลากรให้มีความพร้อมในทุกด้าน

นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังได้มอบหมายให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี ไปพิจารณาว่างานที่ให้ดำเนินการไปนั้นครอบคลุมในทุกพื้นที่หรือไม่โดยเฉพาะในพื้นที่ตามแนวชายแดนและท่าเรือที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งในวันนี้แต่ละกระทรวงก็ได้นำข้อสังเกตและความเห็นจากนายกรัฐมนตรีไปปรับวิธีการทำงานในแต่ละกระทรวง โดยภาพรวมจากการหารือในวันนี้ถือว่ามีความพร้อมในระดับที่ดีในแต่ละกระทรวง

รองนายกฯ และ รมว.คลัง กล่าวว่า จะไปหารือกับภาคเอกชนทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว เพื่อให้แต่ละภาคธุรกิจได้เตรียมบูรณาการทำงานร่วมกับภาครัฐต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ