สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 1 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในอนาคตของยูโซนมากขึ้น หลังจากนายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า อีซีบีจะดำเนินการทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดของยูโรโซนและสกุลเงินยูโร
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 1.04% แตะที่ 1.2282 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.2156 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 1.24% แตะที่ 1.5687 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5495 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้น 0.10% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 78.210 เยน จากระดับ 78.130 เยน และดิ่งลง 1.04% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9774 ฟรังค์ จากระดับ 0.9877 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.89% แตะที่ 1.0397 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0305 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 1.69% แตะที่ 0.8019 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7886 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นแข็งแกร่งขานรับถ้อยแถลงของนายดรากิซึ่งมีขึ้นในที่ประชุมว่าด้วยการลงทุนโลกที่กรุงลอนดอนเมื่อช่วงเย็นวานนี้ตามเวลาไทยว่า อีซีบีจะดำเนินการทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดของยูโรโซนและสกุลเงินยูโร พร้อมกับกล่าวว่า การทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของประเทศยูโรนปรับตัวลดลงนั้น ถือเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของอีซีบี ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าอีซีบีอาจจะเข้าซื้อพันธบัตรของรัฐบาลยูโรโซนเพิ่มอีก
นอกจากนี้ นายดรากิยังกล่าวด้วยว่าตลาดการเงินกำลังประเมินความคืบหน้าในการแก้ไขวิกฤตการณ์ในยูโรโซนต่ำเกินไป และสกุลเงินยูโรก็แข็งแกร่งมากกว่าที่หลายฝ่ายคาดคิด ดังนั้นเขาจึงขอให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นในความสามารถของอีซีบี
ถ้อยแถลงของนายดรากิทำให้ต้ทุนการกุ้ยืมของรัฐบาลสเปนลดลงต่ำกว่าระดับ 7% และทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลอิตาลีปรับตัวลดลงด้วย
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐทำให้นักลงทุนลดการถือครองสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนมิถุนายน หรือพุ่งขึ้น 3.4 พันล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 2.216 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.6% ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ก.ค. ลดลง 35,000 ราย มาอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีที่ 353,000 ราย
นักลงทุนจับตาดูผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจีดีพีจะขยาตัวราว 1.4% หลังจากที่ขยายตัว 1.9% ในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ช้าที่สุดในรอบ 1 ปี
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 31 ก.ค.นี้ หลังจากที่เฟดได้ประกาศขยายระยะเวลาการใช้มาตรการ Operation Twist ไปจนถึงสิ้นปี 2555 โดยมีเป้าหมายที่จะฉุดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้ปรับตัวลดลง เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจและการจ้างงาน