กระทรวงการขนส่งของจีนเปิดเผยว่า อุตสาหกรรมการขนส่งสินค้าของจีนกำลังเผชิญภาวะถดถอยเนื่องจากอุปสงค์ที่ลดลงเรื่อย ๆ และต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมากต่างกำลังประสบภาวะล้มละลาย
กระทรวงเปิดเผยข้อมูลตัวเลขว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ การขนส่งที่ท่าเรือเพิ่มสูงขึ้น 7.2% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 4.74 พันล้านตัน คิดเป็นสัดส่วน 6.1% น้อยกว่าอัตราเติบโตในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากยอดการขนส่งภายในประเทศลดลง
ทั้งนี้ ปริมาณการลำเลียงตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุตที่ท่าเรือต่าง ๆ ขยายตัว 8.8% แตะที่ 84.59 ล้านหน่วย น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 4.3%
นายเหอ เจียนซ่ง โฆษกประจำกระทรวงกล่าวว่า ภาวะชะลอตัวของอุตสาหกรรมการขนส่งสินค้านั้น สะท้อนให้เห็นภาพการดำเนินธุรกิจเชิงเศรษฐกิจระดับมหภาค
เศรษฐกิจของจีนอ่อนตัวลงสู่ระดับ 7.6% ในช่วงไตรมาสที่ 2 ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2552 อันเป็นผลมาจากยอดการส่งออกฝืดเคือง ตลาดอสังหาริมทรัพย์ภายในประเทศซบเซา และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรชะลอตัว
ปริมาณการขนส่งที่ท่าเรือชินหวงเต่าที่ชายฝั่งทะเลทางภาคเหนือของจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการส่งมอบถ่านหินของประเทศ และเปรียบเสมือนตัวชี้วัดเศรษฐกิจจีนนั้น ควรที่จะคึกคักในช่วงเดือนกรกฎาคม เนื่องจากในอดีตมีเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่เข้าเทียบท่าอย่างน้อย 50 ลำต่อวัน แต่ปริมาณการขนส่งในเดือนกรกฎาคมปีนี้ กลับอยู่ที่แค่เพียง 1 ใน 4 ของปริมาณการขนส่งดังกล่าว อีกทั้งยังมีสินค้าคงคลังเกือบเต็มปริมาณกักตุนสูงสุดค้างเหลืออยู่อีก
นายเหอชี้ว่า สินค้าค้างสต็อกเป็นผลมาจากอุปสงค์ที่ลดลง ซึ่งมีสาเหตุมาจากการบริโภคไฟฟ้า และเศรษฐกิจโดยรวมที่ชะลอตัวลง รวมถึงราคานำเข้าที่ลดลง
นายเหอกล่าวทิ้งท้ายว่า แผนกโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องควรที่จะร่วมมือกันเพื่อลดจำนวนสินค้าคงคลัง อย่างไรก็ตาม แนวทางพื้นฐานของการแก้ปัญหานี้ก็คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มอุปสงค์