(เพิ่มเติม) "ธนินท์" มองเกษตร-ท่องเที่ยว-ยานยนต์ เป็นโอกาสของไทยรับมือศก.โลก

ข่าวเศรษฐกิจ Friday July 27, 2012 18:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวในงานสัมมนาครบรอบ 20 ปีแห่งการก่อตั้ง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หัวข้อ "ยุทธศาสตร์ประเทศไทยรับมือเศรษฐกิจโลกใหม่" ว่า อุตสาหกรรมที่เป็นโอกาสของประเทศไทยในขณะนี้ ได้แก่ เกษตร,ท่องเที่ยว และ ยานยนต์ โดยในส่วนของอุตสาหกรรมเกษตรประเทศไทยส่งออกสินค้าเกษตรสูงถึง 1.67 ล้านล้านบาท ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ชลประทานที่ยังต้องพัฒนาทั้งสิ้น 24 ล้านไร่ คาดว่าถ้ารัฐบาลมีการลงทุนเพิ่มอีก 2 ล้านล้านบาท เพื่อพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว ก็จะทำให้พื้นที่ 24 ล้านไร่ที่มีอยู่สามารถสร้างผลตอบแทนได้เป็น 57 ล้านไร่ โดยพื้นที่อีก 33 ล้านไร่ ที่เพิ่มขึ้นมาก็สามารถนำไปปลูกสินค้าเกษตรต่างๆที่เป็นที่ต้องการของตลาดฯอย่างเช่น ยางพารา, อ้อย, มัน หรือปาล์มน้ำมัน

"ไม่ได้เป็นเพราะทำเกษตรเลยพูดแต่เกษตร แต่ต้องยอมรับว่าประเทศไทยต้องเป็นเกษตร ต้องลงทุนทำชลประทาน เพื่อเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น"นายธนินท์ กล่าว

โดยยางพาราประเทศไทยถือเป็นผู้ส่งออกอันดับหนึ่งของโลก โดยมีมูลค่าส่งออกสูงถึง 6.5 แสนล้านบาท และคาดว่าในช่วง 20 ปีนับจากนี้ไปจะยังไม่มีสินค้าใดมาทดแทนยางพาราได้ ขณะที่อ้อยประเทศไทยส่งออกเป็นอันดับ 2 ของโลก และมีปริมาณการผลิตเป็นอันดับ 4 ของโลก ส่วนมันก็ควรปลูกในพื้นที่แห้งแล้งอย่างเช่นในภาคอีสาน

ในส่วนของนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาล ส่วนตัวมองว่าเป็นนโยบายที่ดีกว่าการรับประกัน เนื่องจากเมื่อใดที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นก็สามารถนำออกมาขายได้ แต่ถ้าเป็นการรับประกันก็จะขายได้ราคาเดิมเท่านั้น แต่ทั้งนี้ไม่อยากให้มีการจดทะเบียนเพราะอาจทำให้เกิดการคอรัปชั่นได้

ด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่โดดเด่นสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศถึง 7.76 แสนล้านบาท โดยกรุงเทพฯถือเป็น 1 ใน 10 เมืองที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก ทั้งนี้อยากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวเข้ามาซื้อขายหรือจับจายใช้สอยในประเทศมากขึ้นแทนที่จะมาท่องเที่ยวอย่างเดียว และสนับสนุนเรื่องการเปิดคาสิโนในประเทศตามจังหวัดทองเที่ยวอย่างภูเก็ต, เชียงใหม่ และพัทยา

"นักท่องเที่ยวจีนมีกำลังซื้อมาก และปัจจุบันซื้อของแบรนด์เนม 62% ของยุโรป ซึ่งควรจะสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทยและมาซื้อแบรนด์เนมในประเทศไทยแทน ทางภาครัฐไม่ต้องมีการจัดเก็บภาษีนำเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่มต่างๆ เพื่อที่จะได้มีสินค้าแพงๆมียี่ห้อเข้ามาขายให้กับนักท่องเที่ยวที่มีเงินมากขึ้น ไม่ต้อวไปกลัวว่าคนไทยจะซื้อ...ถ้าผมมีอำนาจผมจะให้เปิดคาสิโน เราต้องยอมรับว่าประเทศเรามีการพนันใต้ดินเยอะมาก ถ้าเอาขึ้นมาแล้วมันให้ถูกกฎหมายก็ดี แต่ก็ต้องมีการควบคุมหรือจำกัดอายุคนเล่น ไม่ใช่มีคาสิโนแล้วทุกคนจะเดิยเข้ามาเล่น เพราะคนที่ไม่เล่นอยากผมยังไงมันก็ไม่เห็นอยู่แล้ว และถ้าเรามีคาสิโนก็คงจะเป็นคาสิโนที่สร้างรายได้มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก"นายธนินท์ กล่าว

ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนตร์ถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่เต็มไปด้วยโอกาส โดยอยากให้ทางรัฐบาลกำหนดหรือสนับสนุนมาเลยว่าเราจะเน้นผลิตสินค้าชนิดไหนเป็นหลัก เพื่อสร้างจุดเด่นให้กับประเทศ

ทั้งนี้ อยากแนะนำให้รัฐบาลยึดแนวคิด 3 สูง 1 ต่ำ ซึ่งหมายถึง ควรมีการปรับค่าแรงหรือรายได้ให้สอดคล้องกับราคาสินค้าเกษตร และเมื่อรายได้สูงขึ้น ประสิทธิภาพในการทำงานก็ต้องสูงขึ้นไปด้วย ขณะที่ในส่วนของสวัสดิกาลก็ควรที่จะอยู่ในระดับที่พอดี ไม่ใช่มากเกินจนทำให้เกิดภาระหนี้สินตามมาเหมือนหลายประเทศในยุโรป นอกจากนี้อยากแนะนำให้ภาครัฐส่งเสริมธุรกิจขนาดจิ๋ว เล็ก กลาง ด้วยโดยการตั้งกองทุนส่งเสริมเพื่อให้เติบโตเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ในอนาคต ในส่วนของนโยบายเรื่องภาษีก็อยากให้จัดเก็บภาษีรายได้เหลือเพียงแค่ 17% เช่นเดียวกับฮ่องกงและสิงคโปร์

นายธนินท์ กล่าวถึง ภาพรวมการทำงานของรัฐบาลในช่วงเกือบ 1 ปีที่ผ่านมาถือว่าผ่าน ซึ่งก็น่าเห็นใจรัฐบาลที่เข้ามาทำงานได้ไม่นานก็เกิดเหตุการณ์น้ำท่วม ซึ่งก็อยากให้นักวิชาการหรือคนที่ติติงการทำงานของรัฐบาล ไม่ควรที่จะติอย่างเดียวควรที่จะมีการเสนอวิธีการแก้ไขหรือวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ