สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ระบุว่า ตัวเลขอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/55 โตไม่ถึง 3% ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะโต 3% อย่างไรก็ตามยังมั่นใจว่าทั้งปี GDP ยังโตได้ 5.7% ตามเป้า
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเศรษฐกิจมหภาค กล่าวว่า ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปเริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย สะท้อนจากมูลค่าการส่งออกที่หดตัวในเดือน มิ.ย.55 โดยเฉพาะการส่งออกไปยังกลุ่มสหภาพยุโรปที่ขยายตัวติดลบในระดับสูงกว่า 17.6% ซึ่งการส่งออกที่ชะลอตัวนี้ได้ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตของไทย สะท้อนได้จากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือน มิ.ย.55 ที่ขยายตัวติดลบ 9.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ช่วงครึ่งปีหลัง แม้จะมีปัจจัยที่ต้องจับตา 2 ประเด็น คือปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจยุโรป ซึ่งสะท้อนการชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง เช่น ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมดือน พ.ค.ที่ยังหดตัว 2.8 การว่างงานในยุโรปที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 11.1% และทิศทางการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและอินเดีย ที่ยังสะท้อนการชะลอตัว โดยเศรษฐกิจจีนในไตรมาส 2/55 ขยายตัว 7.6% เปนการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 7 ปี ตามการชะลอตัวของการส่งออกและการลงทุนภาคเอกชน ส่วนเศรษฐกิจอินเดียยังประสบปัญหาเสถียรภาพ โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ระดับสูง
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากในประเทศ โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายการคลัง ซึ่งการเบิกจ่ายเงินงบประมาณภาครัฐยังเป็นไปตามเป้าหมาย การบริโภค การลงทุนภาคเอกชนยังขยายตัวได้ดี และเสถียรภาพเศรษฐกิจยังแข็งแร่ง แรงกดดันต่อเงินเฟ้อลดลง
"3 เดือนแรก การส่งออกลดลงจากปัญหา supply chain แต่ภาคยานยนต์เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นในเดือน เม.ย. แต่ มิ.ย.ส่งออกหดตัวอีกครั้ง ซึ่งไม่ได้มาจาก supply chain แต่มาจากปัญหายุโปร สะท้อนว่าเริ่มส่งสัญญาณต่อภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในกลุ่มอิเล็กทรอนิคส์...เดิมคาดการณ์ว่าส่งออกปีนี้จะขยายตัว 12.5% จะลดลงหรือไม่ จะมีการทบทวนอีกครั้งในเดือน ก.ย." น.ส.กุลยา กล่าว
ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ หากจะให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย คงต้องให้เศรษฐกิจครึ่งปีหลังเร่งตัวมาก ซึ่งในไตรมาส 4/55 คาดว่าเศรษฐกิจจะต้องขยายตัวไม่ต่ำกว่า 10% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฐานปีก่อนต่ำด้วย