นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 55 หากเติบโตได้ถึง 5.7% ตามที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)คาดการณ์ ก็ถือว่าไม่เลวนัก แม้ว่าส่วนหนึ่งจะมาจากฐานปีก่อนที่อยู่ในระดับต่ำก็ตาม
ทั้งนี้ ธปท.จะพยายามดูแลและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไทยใน 3 ประเด็น คือ การสร้างความสมดุลการเติบโตของเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการมีเสถียรภาพ โดยไม่ให้มาพร้อมกับการเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยง และการสร้างหนี้ครัวเรือนเกินตัวเหมือนที่เกิดขึ้นในปี 40,
การเติบโตอย่างมีพัฒนาการที่จะนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระยะยาว เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเกินครึ่งมาจากแรงผลักดันของการบริโภคภายในประเทศ หากในระยะยาวไม่เร่งเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน การศึกษา และโครงสร้างพื้นฐาน ก็จะทำให้ประเทศไทยพัฒนาล่าช้าและขีดความสามารถก็จะลดลง โดยเฉพาะปี 58 ที่จะมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ด้านการเข้าถึงแหล่งทุนเป็นสิ่งสำคัญที่ ธปท.กำลังทำเรื่องนี้มาโดยตลอด,
รวมทั้ง การเติบโตต้องมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนด้วยการกระจายโอกาสในการเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานให้กับประชาชน ซึ่งธปท.เห็นว่านโยบายประชานิยมควรทำในระยะสั้น แต่ระยะยาวไม่ควรทำ เพราะเหมือนการแจกเงินให้เปล่าที่เมื่อเงินหมดก็ไม่ได้พัฒนาขีดความสามารถของคน
นายประสาร กล่าวในการสัมมนา"GDP ปัจจัยสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยแค่ไหน"ซึ่งจัดโดยคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน วุฒิสภาว่า ธปท.สนใจปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนและติดตามอย่างสม่ำเสมอ โดยจากผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำกว่า 1 หมื่นบาท/เดือนมีภาระหนี้ค่อนข้างสูง แต่ครัวเรือนที่รายได้สูงกว่านั้นระดับหนี้ยังพอรับได้
และการที่เศรษฐกิจโลกมีความยืดเยื้อผันผวน มาตรการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยต้องอยู่ภายใต้การบริหารความสมดุลและดูแลปัจจัยในประเทศที่จะหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ ขณะที้มาตรการชั่วคราวจของรัฐบาลไม่ได้สอดคล้องกับการพัฒนาความสามารถของไทยในระยะยาว