ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)คาดว่าช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจของไทยจะได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนจากวิกฤติหนี้ยุโรปและปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐที่ส่งผลต่อความต้องการในตลาดโลก ซึ่งจะทำให้การส่งออกของไทยชะลอตัวลงมาก โดยเริ่มเห็นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 2/55 ขณะที่อุปสงค์ในประเทศก็จะลดลงอย่างมากจากช่วงไตรมาสแรกที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อานิสงส์การฟื้นตัวภายหลังน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปีก่อน
ธปท.แถลงภาวะเศรษฐกิจช่วงไตรมาส 2/55 ว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ไตรมาส 2/55 จะเติบโตเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส ต่ำกว่าไตรมาส 1/55 ที่เติบโตถึง 11% จากไตรมาส 4/54 แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเศรษฐกิจเติบโตขึ้น 0.3% ส่วนหนึ่งมาจากฐานต่ำในปีก่อน
ทั้งนี้ เศรษฐกิจในไตรมาส 2/55 ปรับตัวดีขึ้น แต่ช่วงปลายไตรมาส การส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เน้นผลิตเพื่อการส่งออกได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤตหนี้ในกลุ่มประเทศยูโรชัดเจนขึ้น อย่างไรก็ดี การบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัวได้ตามความต้องการซื้อที่สะสมมาจากช่วงก่อนหน้านี้และผลของนโยบายคืนภาษีรถยนต์คันแรกของรัฐบาล
สำหรับการลงทุนภาคเอกชนและภาคการท่องงเที่ยวยังคงขยายตัวดี ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดีอัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า
ขณะที่ในเดือน มิ.ย.55 ซึ่งอยู่ในช่วงเดือนสุดท้ายของไตรมาส 2/55 เศรษฐกิจขยายตัวชะลอลง โดยปัญหาวิกฤตหนี้ในกลุ่มประเทศยูโรส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าชัดเจนขึ้น และส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เน้นผลิตเพื่อการส่งออกหดตัว อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวและอุปสงค์ในประเทศขยายตัวได้ต่อเนื่อง แม้การบริโภคและการลงทุนเพื่อทดแทนส่วนที่เสียหายจากอุทกภัยชะลอลงจากที่เร่งไปแล้วในช่วงก่อนหน้า ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ ส่วนอัตราเงินเฟ้อทรงตัว