นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงการวิเคราะห์ดัชนีชี้นำการส่งออก เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบการส่งออกไทยจากวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปว่า คาดว่าภาพรวมการส่งออกของไทยในปี 55 น่าจะขยายตัวอยู่ในกรอบ 3.8-7.5% จากปีก่อนที่ขยายตัวได้ 17.2% แต่ระดับที่มีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุดคือ 5.8% หรือมีมูลค่ารวม 242,184 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งขยายตัวต่ำสุดในรอบ 3 ปีนับจากปี 52 เพราะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง ทำให้ตลาดส่งออกหลักของไทยชะลอตัวลงเหลือ 4.5% จากปีก่อนที่ขยายตัว 15.7%
ทั้งนี้ วิกฤตเศรษฐกิจยุโรปครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยทั้งทางตรงและอ้อม ทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยหายไป 3.5% ของมูลค่าการส่งออกรวม หรือคิดเป็นมูลค่า 298,876 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นผลกระทบทางตรง 1.6% มูลค่า 136,048 ล้านบาท และทางอ้อม 1.9% มูลค่า 162,828 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดส่งออกของไทยในตลาดโลกเหลือเพียง 1.2-1.3% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 1.4% และยังทำให้ส่วนแบ่งตลาดส่งออกไทยในตลาดยุโรปลดต่ำกว่าปัจจุบันที่มีสัดส่วน 1% รวมทั้งทำให้ส่วนแบ่งตลาดทางอ้อมที่ไทยส่งไปประเทศคู่ค้าสำคัญที่ส่งออกไปยุโรปลดลงด้วย
สำหรับสินค้าส่งออกที่ได้รับผลกระทบทางตรงในการส่งออกไปยุโรป ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์, ซอสปรุงแต่งจากเนื้อสัตว์, เครื่องจักรไฟฟ้า, ไข่มุกหรือเครื่องเพชรพลอย, เครื่องแต่งกายแบบโครเชต์, อุปกรณ์ถ่ายรูป, ยางและของที่ทำด้วยยาง, ซอสปรุงแต่งจากพืชผัก ผลไม้, รถยนต์และส่วนประกอบ และพลาสติกและผลิตภัณฑ์จากพลาสติก
"ถ้าจะให้เป้าหมายการส่งออกของไทยปีนี้ได้ตามที่คาดการณ์ไว้ จะต้องกระตุ้นให้ผู้ประกอบการส่งออกใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี(เอฟทีเอ) กับประเทศต่างๆ ให้มากขึ้น จากปัจจุบันมีการใช้สิทธิประโยชน์เพียง 60% รวมถึงใช้ช่องทางผ่านการค้าชายแดน วางตำแหน่งและราคาสินค้าให้เหมาะสม เพื่อจูงใจ และหน่วยงานของรัฐที่เป็นหน้าด่านในต่างประเทศจะต้องศึกษา และส่งข้อมูลตลาดในแต่ละประเทศให้ผู้ประกอบการ เพื่อจะได้นำข้อมูลนั้นมาวิเคราะห์ตลาดส่งออกได้อย่างถูกต้อง" นายอัทธ์กล่าว