นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงกรณีที่ฟิลิปปินส์ขอต่ออายุการใช้มาตรการพิเศษในการนำเข้าข้าวภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (WTO) ออกไปอีก 5 ปี หรือสิ้นสุดภายในปี 2560 หลังจากที่หมดอายุลงเมื่อเดือนมิ.ย.2555 พร้อมทั้งยังได้เจรจากับประเทศผู้ส่งออกข้าวไปฟิลิปปินส์ เพื่อชดเชยความเสียหายจากกรณีดังกล่าวด้วย ได้แก่ เวียดนาม ไทยปากีสถาน อินเดีย จีน สหรัฐฯ ออสเตรเลีย แคนาดา และเอลซัลวาดอร์
ซึ่งการเจรจาขอต่ออายุครั้งนี้ เป็นการขอต่ออายุเป็นครั้งที่ 2 หลังจากได้ต่ออายุครั้งแรกไปตั้งแต่เดือนก.ค.48-30 มิ.ย.55 โดยมาตรการดังกล่าว ฟิลิปปินส์ได้กำหนดโควตานำเข้าข้าวที่ 350,000 ตัน ในอัตราภาษี 40% ซึ่งในจำนวนนี้ได้จัดสรรให้ไทย 98,000 ตัน จีน 25,000 ตัน และออสเตรเลีย 15,000 ตัน
สำหรับสาเหตุที่ต้องขอขยายเวลาการกำหนดโควตานำเข้าดังกล่าวเพราะต้องการส่งเสริมให้ชาวนาเตรียมความพร้อม เพื่อให้ผลิตข้าวในราคาที่สามารถแข่งขันได้กับข้าวที่นำเข้า และมีปริมาณเพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ
นางศรีรัตน์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการเจรจาระหว่างไทยและฟิลิปปินส์ในครั้งนี้จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 100 วัน หรือภายในต้นเดือนต.ค.นี้ จากนั้นไทยจะต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาตามมาตรา 190 ตามรัฐธรรมนูญพ.ศ.2550
ทั้งนี้ ไทยยังได้เจรจาเพื่อขอชดเชยความเสียหายกรณีที่ฟิลิปปินส์ขอขยายเวลาการชะลอการลดภาษีนำเข้าข้าว ภายใต้กรอบเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) ที่ตามแผนฟิลิปปินส์จะต้องลดภาษีนำเข้าข้าวจากอาเซียนให้เหลือ 35% ระหว่างวันที่ 8 เม.ย.53-31ธ.ค.57 แต่จนถึงขณะนี้ยังคงภาษีไว้ที่ 40% แต่จะขอลดเหลือ 35% ในปี 58 ซึ่งไทยได้เจรจาขอให้ฟิลิปปินส์เพิ่มปริมาณการนำเข้าจากไทยให้มากกว่าปีละ 367,000 ตัน ซึ่งเป็นปริมาณที่ตกลงร่วมกันไว้ในบันทึกความเข้าใจระหว่างกัน
"การเจรจาระหว่างไทยและฟิลิปปินส์ในครั้งนี้จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 100 วัน หรือภายในต้นเดือนต.ค.นี้ จากนั้นไทยจะต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาตามมาตรา 190 ตามรัฐธรรมนูญพ.ศ.2550 เชื่อว่า ฟิลิปปินส์จะยอมตามที่ไทยเสนอ หรืออาจต่อรองโควตาที่ไทยเสนอลงบ้างเล็กน้อย แต่หากไม่ยอม จะถือว่าการเจรจาต่อรองไม่สำเร็จ และจะทำให้ฟิลิปปินส์ไม่สามารถต่ออายุมาตรการนี้ได้ตามที่แจ้งไว้ต่อดับบลิวทีโอ"อธิบดีกรมเจรจาการค้าต่างประเทศ กล่าว