นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ปีนี้ยังเชื่อว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจยังเติบโตได้ตามเป้าที่ 7% แม้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการปรับลดเป้าหมายลงมา
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจวันนี้ ได้มีการหารือถึงปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปที่ส่งผลต่อภาคการส่งออกของไทยในช่วงครึ่งปีแรก โดยกระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกมีมูลค่าลดลงเพียง 0.69% หากคิดตามมูลค่าเป็นค่าเงินบาท แต่ลดลงถึง 4% หากคิดเป็นมูลค่าในรูปดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งตามแนวทางการบริหารเศรษฐกิจในระดับมหภาคแล้ว การคิดเป็นมูลค่าในรูปเงินบาทจะเหมาะสมกว่า ซึ่งถือว่าระดับที่ส่งออกไปยังยุโรป 0.69% นั้น ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด โดยถือว่าค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 31 กว่าบาท/ดอลลาร์สหรัฐนั้น เป็นช่วงที่เหมาะสมแล้ว
ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ ยังคงมีความแข็งแกร่ง มีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยมีทุนสำรองระหว่างประเทศที่ 175 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มีดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นบวก ซึ่งเป็นผลมาจากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 7 เดือนแรกของปี เข้ามาประเทศไทยสูงถึง 12.9 ล้านคนแล้ว ฉะนั้นหากท่าอากาศยานดอนเมิองเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในเดือนตุลาคมนี้ จะทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้เป็นไปตามเป้าที่ 21 ล้านคนได้ จึงยังเชื่อมั่นว่าจีดีพีของไทยในปีนี้จะยังขยายตัวได้ 7% ตามที่คาดการณ์ไว้ได้
"แม้ส่งออกมีผลกระทบ แต่ภาคอื่น เช่น ท่องเที่ยว ยังเดินหน้าไปได้ด้วยดี ซึ่งเป้าหมายอยู่ที่ 21 ล้านคน และครึ่งปีแรกมีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว 12.9 ล้านคน เชื่อว่าน่าจะเป็นไปตามเป้า"นายกิตติรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และกระทรวงพลังงาน กลับไปหาแนวทางการทำความเข้าใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วนถึงแนวทางการปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้เหมาะสม โดยเฉพาะการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีว่าไม่มีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและค่าครองชีพของประชาชน
"รัฐบาลยืนยันจะยังไม่มีการพิจารณาปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีในภาคครัวเรือนในขณะนี้อย่างแน่นอน"รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
ด้านนายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า แม้การส่งออกสินค้าไทยไปยุโรปในช่วงครึ่งปีแรกจะลดลง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ในภาพรวมการส่งออกยังขยายตัวได้ดี เพราะกระทรวงพาณิชย์ได้เร่งทำตลาดใหม่ๆ อาทิ อาเซียน จีน ออสเตรเลีย และแอฟริกา รวมทั้งยังสั่งการให้ทูตพาณิชย์เร่งขยายตลาดส่งออกในประเทศในยุโรปที่ยังมีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง เช่น เยอรมัน ฝรั่งเศส และอังกฤษ และเร่งทำตลาดในพื้นที่หัวเมืองท้องถิ่นในประเทศเหล่านั้นให้มากขึ้น ฉะนั้นจึงมั่นใจว่าการส่งออกของไทยในปีนี้จะยังขยายตัวได้ 15% ตามที่คาดการณ์