บริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ส (GM) ได้เปิดเผยว่าผลกำไรสุทธิในไตรมาสเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายนนั้นตกฮวบลง 41.1% จากปีก่อนหน้า โดยลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.49 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากการดำเนินงานที่ซบเซาในยุโรป
ทั้งนี้ นับเป็นไตรมาสที่ 10 ติดต่อกันที่ GM สามารถทำกำไรได้ และแสดงให้เห็นว่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ 3 รายของสหรัฐ หรือ "Big Three" มีศักยภาพในการทำกำไรในช่วงเวลาดังกล่าว แม้ว่าจะมีสัญญาณบ่งชี้ในหลายแง่มุม กลุ่มบริษัทไครส์เลอร์ กรุ๊ป แอลซีซี กลับมาฟื้นตัวได้สำเร็จอีกครั้ง หลังจากที่ขาดทุนในปีก่อนหน้า ในขณะที่บริษัทฟอร์ด มอเตอร์มีผลกำไรลดลงถึง 56.6% เนื่องมาจากยอดขายที่ชะลอตัวในยุโรป
ผลกำไรที่ลดลงของ GM ในช่วงไตรมาสดังกล่าว มีสาเหตุมาจากธุรกิจที่ย่ำแย่ในยุโรปซึ่งรวมถึงรายได้จากอดัม โอเปิล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ โดยบริษัทดังกล่าวขาดทุนจากการดำเนินงานถึง 361 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสวนทางกับปีก่อนที่ทำกำไรได้ถึง 102 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
GM มียอดขายทั่วโลก 2.39 ล้านคันในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน ซึ่งเพิ่มขึ้น 3.1% โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่ต่อเนื่องในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่รวมจีนและยอดขายในอเมริกาเหนือ
ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ยอดขายของบริษัทได้เพิ่มขึ้น 2.9% เทียบจากปีก่อน สู่ระดับ 4.67 ล้านคัน สำนักข่าวเกียวโดรายงาน