กระทรวงการคลังสหรัฐคาดอาจมีรายได้ 5.75 พันล้านดอลลาร์จากการขายหุ้นล๊อตสุดท้ายในบริษัทอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) ซึ่งสูงกว่าตัวเลขในการประเมินเบื้องต้นที่ 750 ล้านดอลลาร์ เนื่องจาก AIG มีแผนที่จะซื้อหุ้นคืนเพิ่มเติม
แถลงการณ์ของกระทรวงระบุว่า AIG ได้เลือกใช้ออพชั่นในการซื้อหุ้นสามัญของบริษัทคืนเพิ่มเติมเป็นจำนวน 24.6 ล้านหุ้น โดยเสนอซื้อที่ 30.5 ดอลลาร์ต่อหุ้น
กระทรวงการคลังสหรัฐประกาศเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า กระทรวงเห็นชอบในการขายหุ้นในบริษัท AIG จำนวน 163.9 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 30.5 ดอลลาร์ โดยคาดว่าจะมีรายได้จากการขายทั้งหมด 5 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่ AIG ให้คำมั่นว่าจะซื้อคืนในวงเงิน 3 พันล้านดอลลาร์
ข้อเสนอของ AIG คาดว่าจะลดมูลค่าการลงทุนใน AIG ของกระทรวงการคลังสหรัฐลงเหลือประมาณ 2.42 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งประกอบไปด้วยหุ้นสามัญประมาณ 781.1 ล้านหุ้น และลดสัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงลงจาก 61% เหลือ 53%
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังและธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เพิ่มทุนให้กับ AIG ที่กำลังประสบกับปัญหาทางการเงินจำนวน 1.82 แสนล้านดอลลาร์ผ่านโครงการให้ความช่วยเหลือสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (TARP) ซึ่งเป็นโครงการเพื่อป้องกันระบบธนาคารสหรัฐล่มสลาย ในช่วงที่วิกฤตการเงินถึงจุดสูงสุดในปี 2551
การขายหุ้นล๊อตสุดท้ายเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของกระทรวงในการลดขนาดของ TARP ลง โดยได้ปรับลดลงไปแล้วทั้งหมดเกือบ 83% ของวงเงินจำนวน 4.16 แสนล้านดอลลาร์ที่เบิกจ่ายภายใต้ โครงการ TARP แถลงการณ์ดังกล่าวระบุ สำนักข่าวซินหัวรายงาน