สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ (S&P) เปิดเผยว่ากฎระเบียบใหม่ภายใต้กฎหมายกำกับดูแลทางการเงินดอดด์-แฟรงก์นั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของบรรดาธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐ
S&P เปิดเผยถึงประเด็นดังกล่าวในบทความวิจัยว่าด้วยการประเมินผลกระทบของกฎหมายดอดด์-แฟรงก์สำหรับกลุ่มธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ
บทความระบุว่า แม้กฎหมายปฏิรปวอลล์สตรีทและคุ้มครองผู้บริโภคดอดด์-แฟรงก์ได้รับการลงนามเป็นกฎหมายมา 2 ปีแล้ว แต่กฎระเบียบจำนวนมากยังไม่มีข้อสรุป
“เมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่เราทราบเกี่ยวกับกฎและระเบียบต่างๆที่ยังไม่มีการดำเนินการ และอิงกับการคาดการณ์ในปัจจุบันของเราสำหรับเงินทุนและผลประกอบการของธนาคารต่างๆนั้น เราไม่เชื่อว่าผลกระทบทางการเงินของการปฏิรูปด้านการกำกับดูแลจะมีผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของเราที่ให้แก่ธนาคารรายใหญ่ 8 แห่งของสหรัฐ" นายแมทธิว อัลเบรชท์ นักวิเคราะห์เครดิตของ S&P กล่าว
“อย่างไรก็ตาม กฎระเบียบที่ได้รับการเสนออาจจะเปลี่ยนแปลงการประเมินของเราเกี่ยวกับสถานะทางธุรกิจและความเสี่ยงของธนาคารต่างๆ ซึ่งในท้ายที่สุดอาจจะนำไปสู่การดำเนินการด้านอันดับความน่าเชื่อเป็นรายกรณีไป"
สำหรับธนาคารรายใหญ่ที่สุด 8 แห่งของสหรัฐ ได้แก่ แบงก์ ออฟ อเมริกา, ซิตี้กรุ๊ป, โกลด์แมน แซคส์, เจพีมอร์แกน เชส, มอร์แกน สแตนลีย์, พีเอ็นซี ไฟแนนเชียล เซอร์วิเซส, ยูเอส แบนคอร์ป และเวลส์ ฟาร์โก ซึ่ง S&P เชื่อว่าจะได้รับผลกระทบทางการเงินดังกล่าว
ทั้งนี้ S&P ประเมินว่ากฎระเบียบในกฎหมายดอดด์-แฟรงก์อาจทำให้ผลประกอบการก่อนหักภาษีของธนาคารทั้ง 8 แห่งลดลงทั้งสิ้น 2.2-3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งสูงกว่าการประเมินก่อนหน้านี้ที่ 1.95-2.6 หมื่นล้านดอลลาร์