ผลสำรวจโดยหนังสือพิมพ์ยูเอสเอ ทูเดย์ ระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ของสหรัฐไม่มั่นใจว่าสภาคองเกรสของสหรัฐจะสามารถรับมือกับผลกระทบของการปรับขึ้นภาษีและลดงบประมาณการใช้จ่ายได้ เนื่องจากมาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้า
นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาในสหรัฐและการชะลอตัวของสภาวะซบเซาของเศรษฐกิจโลกนั้นเป็นอุปสรรคที่คุกคามเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งหากสหรัฐสามารถรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้ ก็อาจจะช่วยให้ตลาดที่อยู่อาศัยแข็งแกร่งขึ้นและทำให้ภาคธุรกิจเอกชนมีรายได้มากขึ้น
ทั้งนี้ 53% ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจนั้น ไม่เชื่อว่าสภาคองเกรสจะสามารถบรรเทาผลกระทบจากการขึ้นภาษีและการตัดงบประมาณมูลค่า 5.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐได้ โดยนักเศรษฐศาสตร์เรียกนโยบายดังกล่าวซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในช่วงสิ้นปีนี้ว่า "หน้าผาทางการคลัง" (Fiscal Cliff)
สำนักงบประมาณรัฐสภาของสหรัฐเตือนว่าภาวะ Fiscal Cliff นี้อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวลดลงถึง 4% ในปีหน้าและจะทำให้เศรษฐกิจหดตัวลงในช่วงครึ่งปีแรกหากมีการประกาศใช้นโยบายเพื่อลดการขาดดุลดังกล่าว
บรรดานักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า ภาวะ Fiscal Cliff ได้สร้างความกังวลในหมู่ผู้ประกอบธุรกิจไปจนถึงผู้บริโภค โดย 55% ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจคาดว่า สภาคองเกรสสหรัฐอาจเลื่อนกำหนดการประกาศใช้นโยบายดังกล่าวออกไปจนถึงต้นปีหน้า สำนักข่าวซินหัวรายงาน