ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายโดยรวมยังคงได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังชะลอตัว รวมถึงรายงานล่าสุดที่ว่าดัชนีภาคการผลิตขยายตัวน้อยเกินคาด
ดัชนี Stoxx 600 ขยับลง 0.1% ปิดที่ 270.35 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 6946.80 จุด ลบ 27.59 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5833.04 จุด ลบ 31.74 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3449.20 จุด ลบ 1.07 จุด
-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 ส.ค.) ขณะที่ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่มีทั้งด้านบวกและลบ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 7.36 จุด หรือ 0.06% แตะที่ 13,164.78 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 1.60 จุด หรือ 0.11% แตะที่ 1,405.53 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 13.95 จุด หรือ 0.46% แตะที่ 3,030.93 จุด
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าภาคการผลิตยังคงมีการขยายตัวได้ดี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสามารถต้านทานปัจจัยลบจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 4.2 ดอลลาร์ หรือ 0.26% ปิดที่ 1,606.6 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 27.812 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 4.9 เซนต์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1,396.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 2.90 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 578.05 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 35 เซนต์
-- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ส.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าความต้องการพลังงานในสหรัฐซึ่งเป็นประเทศที่ใช้พลังงานมากที่สุดในโลกนั้น ยังคงมีทิศทางในด้านบวก
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาด NYMEX ปรับตัวขึ้น 90 เซนต์ หรือ 1.0% ปิดที่ 94.33 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 92.68-94.90 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน พุ่งขึ้น 2.22 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 116.25 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 113.49-116.72 ดอลลาร์
-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อเทียบกับเงินเยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 ส.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่าภาคการผลิตของสหรัฐยังคงมีการขยายตัวได้ดี นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนจากรายงานยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งของสหรัฐด้วย
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.27% แตะที่ 1.2288 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.2321 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ขยับขึ้น 0.07% แตะที่ 1.5686 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5675 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.20% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 78.880 เยน จากระดับ 78.720 เยน และพุ่งขึ้น 0.26% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9770 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9745 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียขยับขึ้น 0.19% แตะที่ 1.0507 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.0487 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.24% แตะที่ 0.8069 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8050 ดอลลาร์สหรัฐ
-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ อย่างไรก็ตาม ดัชนีปรับตัวลงไม่มากนักเนื่องจากตลาดได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มการเงิน
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 31.74 จุด หรือ 0.54% ปิดที่ 5,833.04 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,822.25-5,864.78 จุด