รายงานของบริษัท KPMG ที่มีการเผยแพร่ในวันนี้ คาดว่าจีนจะยังคงเพิ่มการลงทุนโดยตรงในตลาดยุโรปและสหรัฐในอนาคต
รายงานดังกล่าวได้ระบุว่าอัตราเงินหยวนที่แข็งค่าขึ้น นโยบายสนับสนุนจากรัฐบาลจีน ประกอบกับวิกฤติหนี้เสียในยุโรปและอเมริกา เป็นโอกาสที่เอื้อให้จีนเพิ่มเม็ดเงินลงทุนโดยตรงในตลาดดังกล่าว
รายงานยังได้เปิดเผยว่า กิจกรรมของจีนในการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ต่างชาตินั้น ส่วนใหญ่มุ่งไปที่อุตสาหกรรมพลังงานและไฟฟ้าเป็นหลัก โดยให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ รวมไปถึงอุตสาหกรรมวัตถุดิบด้านเหมืองแร่
ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ กิจกรรม M&A ของจีนในสหรัฐจะพุ่งเป้าไปที่ภาคพลังงาน ไฟฟ้า และการจัดซื้อ สำหรับในตลาดยุโรปจะเน้นภาคอุตสาหกรรมอุปโภคบริโภค เทคโนโลยีขั้นสูง โทรคมนาคม เครื่องจักรสำหรับงานก่อสร้าง และภาคการเงินเป็นหลัก ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของบริษัทจีนสำหรับตลาดและเทคโนโลยีของยุโรปและสหรัฐ
สำหรับช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ การลงทุนโดยตรงของจีนในต่างประเทศที่อยู่นอกภาคการเงิน เพิ่มขึ้น 52.8% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 4.222 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการลงทุนโดยตรงของจต่างชาติ (FDI) ในจีนนั้น KPMG ได้ระบุในรายงานดังกล่าวว่าจีนยังต้องปรับปรุงภาวะแวดล้อมด้านการลงทุนและดำเนินมาตรการที่ช่วยยับยั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับ FDI ที่หดตัวลง
ทั้งนี้ช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ FDI ในจีนได้ปรับตัวลดลง 3.6% เมื่อเทียบรายปี ลงมาอยู่ที่มูลค่า 6.67 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สำนักข่าวซินหัวรายงาน