นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง ของจีนได้ประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการและเก็บรวบรวมเศษซากอิเล็กทรอนิกส์ หรือ EEE (Electrical and Electronic Equipment) โดยจัดตั้งกองทุนจัดการเศษซากอิเล็กทรอนิกส์ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2555 เป็นต้นไป
การบริหารจัดการเศษซาก EEE ของจีนอาจส่งผลให้ผู้ผลิตไทยต้องออกแบบและผลิตสินค้าให้สะดวกและง่ายต่อการถอด แยก สามารถนำไปรีไซเคิลหรือแปรสภาพเพื่อใช้ใหม่ได้ง่าย รวมทั้งให้มีเศษซากเหลือน้อยที่สุด นอกจากนี้ ผู้ผลิต/ผู้นำเข้าจีนอาจผลัก ภาระค่าใช้จ่ายที่ตนต้องรับผิดชอบในการเก็บ คัดแยก หรือ รีไซเคิลให้แก่ผู้ผลิต/ผู้ส่งออกของไทยได้
ทั้งนี้ ในปี 2554 ไทยส่งออกสินค้า EEE ไปจีนมูลค่า 221,107 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับปี 2553 และ ปี 2555 (ม.ค.-มิ.ย.) ส่งออก 117,510 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
อนึ่ง ในปี 2554 ชาวจีนใช้สินค้า EEE เป็นจำนวนมาก เช่น ทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ และเครื่อง PC รวมทั้งสิ้นประมาณ 1.77 พันล้านหน่วย ในจำนวนนี้เป็นเศษซาก EEE ที่ถูกชาวจีนทิ้งนับแสนชิ้น ซึ่งกระทรวงการคลังของจีนเห็น ว่ามีทรัพยากรมูลค่าสูงที่ต้องสูญเสียไปจากการทิ้งเศษซาก EEE เหล่านี้ซึ่งสามารถนำมาใช้ซ้ำหรือแปรสภาพได้ และหากนำไปรีไซเคิล จะทำให้ประหยัดพลังงานกว่าการผลิตสินค้าใหม่
ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้กำหนดกลไกระยะยาวในการบริหารจัดการเศษซาก EEE และกระตุ้นให้ผู้ผลิตมีส่วน ร่วมในการดำเนินการเกี่ยวกับเศษซาก EEE อย่างเป็นระบบ ออกแบบการผลิตในลักษณะ Green Design และใช้วัตถุดิบที่เป็นมิตร กับสิ่งแวดล้อม สะดวกและง่ายต่อการถอดแยก การนำกลับมาใช้ใหม่และการรีไซเคิล ซึ่งจะทำให้เสียค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ เศษซาก EEE น้อยลงด้วย
ภายใต้กลไกดังกล่าวจะมีการจัดตั้งกองทุนบริหารจัดการเศษซาก EEE โดยจะเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ จากผู้ผลิตและผู้นำเข้าหรือตัวแทนผู้นำเข้าสินค้าทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศที่ใช้ในบ้าน และเครื่อง PC โดยกำหนด อัตราค่าใช้จ่ายดังนี้
สินค้า ค่าใช้จ่าย (Rmb) 1.ทีวี 13 2.ตู้เย็น 12 3.เครื่องซักผ้า 7 4.เครื่องปรับอากาศที่ใช้ในบ้าน 7 5.เครื่อง PC 10