สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 ส.ค.) ขานรับรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่เพิ่มสูงเกินคาด
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.29% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 79.550 เยน จากระดับ 79.320 เยน, สูงขึ้น 0.31% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9745 ฟรังค์ จากระดับ 0.9715 ฟรังค์ และแข็งค่าขึ้น 0.25% เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ 0.9889 จากระดับ 0.9864 ดอลลาร์แคนาดา
สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.26% แตะที่ 1.2322 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.2354 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลง 0.29% แตะที่ 1.5685 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5731 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.88% แตะที่ 1.0417 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0509 ดอลลาร์สหรัฐ และเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนค่า 0.44% แตะที่ 0.8067 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8103 ดอลลาร์สหรัฐ
เงินดอลลาร์ได้รับปัจจัยหนุนภายหลังมีการเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงต้นเดือนส.ค.ที่พุ่งสูงเกินคาด ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงแนวโน้มการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่แข็งแกร่งขึ้นในไตรมาสนี้ โดยรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงต้นเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ระดับ 73.6 จากระดับ 72.3 ในเดือนก่อนหน้านี้ เมื่อเทียบกับที่ระดับ 72.2 ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เป็นบวกดังกล่าวช่วยหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน ขณะเดียวกันก็ลดกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม ซึ่งมาตรการเหล่านี้จะเป็นปัจจัยลบสำหรับสกุลเงินดอลลาร์ โดยจะส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง
ด้านสกุลเงินยูโรถูกแรงขายกดดัน หลังธนาคารกลางสเปนเผยว่า อัตราหนี้เสียของประเทศทะยานสู่ระดับสูงเป็นประวัตการณ์ถึง 9.42% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเพิ่มความวิตกกังวลว่า สถานะการเงินของภาคธนาคารสเปนอาจย่ำแย่ลงยิ่งกว่าเดิม