นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงเรื่องที่รัฐบาลมีคำสั่งให้ชะลอการเปิดสัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 21 ออกไปก่อนว่า เป็นเรื่องที่ดีและขอชื่นชม แต่หากรัฐบาลมีการทบทวนหลักการสำคัญของ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ.2514 โดยเฉพาะการปรับให้ประเทศมีรายได้จากการจำหน่ายปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น เชื่อว่ารัฐบาลจะมีเงินเพิ่มและเพียงพอที่จะนำมาลงทุนตามนโยบายที่รัฐบาลตั้งไว้ได้โดยไม่ต้องกู้เงินทั้งหมดหรือนำทุนสำรองระหว่างประเทศมาใช้ดำเนินการ
นอกจากนี้ รวมถึงอนุญาตให้ผู้ได้รับสัมปทานส่งออกปิโตรเลียมได้โดยไม่จำกัด การจำหน่ายในประเทศให้จำหน่ายในราคาตลาดโลกโดยรวมค่าขนส่งด้วย และรัฐบาลจะผลตอบแทนจากการขายปิโตรเลียมไม่เกินร้อยละ 30 ของจำนวนปิโตรเลียมที่ผลิตได้
ซึ่งสาระสำคัญดังกล่าวนี้ที่ไม่มีการเปลี่ยนเลยตลอดระยะเวลา 41 ปี ขณะที่ประเทศอื่นๆ ได้ปรับเปลี่ยนแล้ว
นายคำนูณ กล่าวว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันมีนโยบายปรับประเทศไทยใหม่ โดยจะลงทุนพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีนโยบายที่จะสร้างรถไฟด่วนความเร็วสูง สร้างท่าเรือน้ำลึกที่ทวาย ซึ่งนโยบายดังกล่าวต้องใช้เงินงบประมาณจำนวนมาก และที่มาของงบประมาณดำเนินการนั้นมาจาก 2 ทาง คือ การกู้เงินทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ อีกทางคือการนำทุนสำรองระหว่างประเทศมาดำเนินการ ซึ่งทั้งสองกรณีนี้จะสร้างผลกระทบตามมาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะเงินเฟ้อที่จะเพิ่มขึ้น แต่หากรัฐบาลทบทวนและแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ.2514 ในสาระสำคัญที่กล่าวมาข้างต้น โดยเฉพาะการปรับให้ประเทศมีรายได้จากการจำหน่ายปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น เชื่อว่ารัฐบาลจะมีเงินเพิ่มและเพียงพอที่จะนำมาลงทุนตามนโยบายที่รัฐบาลตั้งไว้ได้โดยไม่ต้องกู้เงินทั้งหมดหรือนำทุนสำรองระหว่างประเทศมาใช้ดำเนินการ