นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า หากในช่วง 4 เดือนที่เหลือจากนี้สามารถผลักดันการส่งออกได้เดือนละ 2-2.2 หมื่นล้านเหรียญ เชื่อว่าส่งออกทั้งปีจะโตได้ 9% ซึ่งตัวเลขที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)ประเมินว่าการส่งออกปีนี้จะขยายตัว 7.3%นั้น เป็นเพียงการคาดการณ์ของสศช. แต่ที่กระทรวงพาณิชย์ประเมินเป็นเป้าหมายในการทำงาน โดยต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจปีนี้ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งทั่วโลกย่อมได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์หามาตรการในการสนับสนุนภาคเอกชน โดยเน้นในตลาดส่งออกที่ไทยสามารถส่งออกได้ดีและเพิ่มศักยภาพในการส่งออกสินค้าในกลุ่มเหล่านั้นให้มากยิ่งขึ้น โดยอุตสาหกรรมหลักแบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ อุตสาหกรรมด้านอัญมณี อาหาร เครื่องหนัง สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้มีการจัดทำ Action Plan สินค้าทั้ง 4 กลุ่มไว้หมดแล้วว่าต้องมีการขยายตลาดหรือลดต้นทุนได้อย่างไร หรือจะประกันความเสี่ยงให้สินค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างไรบ้าง
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ยังคงมั่นใจว่าสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก คือ สินค้าอาหาร เช่น ข้าว และมันสำปะหลัง เป็นสินค้าหลักที่จะส่งออกได้ดี นอกจากนี้ยังมีในส่วนของอุตสาหกรรมรถยนต์ที่มียอดการผลิตถึง 2 ล้านคัน จะมีส่วนช่วยเสริมอุปกรณ์ยานยนต์อีกส่วนหนึ่งด้วย พร้อมทั้งจะมีการออกมาตรการทางภาษีเข้ามาช่วยเหลือในการส่งออกด้วย ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะเร่งการใช้จ่ายของประชาชนในประเทศให้มากยิ่งขึ้นควบคู่ไปกับการส่งออก
โดยปลัดกระทรวงพาณิชย์ยังเชื่อว่าหากในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ รัฐบาลวางแผนและให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ และทางกระทรวงพาณิชย์เองก็จะเดินหน้าอย่างเต็มที ก็ยังเชื่อว่าจะทำให้การส่งออกเติบโตดีขึ้นและส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม
อนึ่ง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ยังคงยืนยันเป้าหมายการส่งออกในปีน้ไว้ตามเดิมที่ 15% แม้สศช.จะปรับลดเป้าหมายลงมาเหลือเพียง 7.3% เนื่องจากเป็นเป้าหมายที่ต้องการให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน