ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนาหรืออังค์ถัด (UNCTAD) ได้กล่าวในสุนทรพจน์เมื่อวานนี้ว่าบรรดาบริษัทข้ามชาติของจีนต้องใช้กลยุทธ์ที่ชาญฉลาดในการส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและการปรับปรุงห่วงโซ่คุณค่า ในช่วงที่สถานการณ์เศรษฐกิจโลกผันผวน
ในการกล่าวสุนทรพจน์ระหว่างการประชุมสุดยอดว่าด้วยการลงทุนในต่างประเทศของจีนครั้งที่ 2 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมฮ่องกงนั้น ดร.ศุภชัยได้ตั้งข้อสังเกตว่าในฐานะที่เป็นประเทศเป้าหมายสำหรับการลงทุนโดยตรงของต่างชาติ (FDI) จีนนั้นถือว่าเป็น “แหล่งเม็ดเงินของการลงทุนในต่างประเทศที่สำคัญแห่งหนึ่ง" เช่นกัน พร้อมทั้งชี้แจงว่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มูลค่าการลงทุนในต่างประเทศของจีนได้ขยายตัว 25% ซึ่งสูงกว่าอัตราการลงทุนโดยปกติจากกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่เพิ่มขึ้น 6%
“จากการขยายตัวที่รวดเร็วดังกล่าว ในขณะนี้จีนรั้งอันดับที่ 9 ใน 10 อันดับแรกจากประเทศที่มีการลงทุนทั่วโลกสูงสุด โดยมีเม็ดเงิน FDI สะพัดออกในปี 2554 ที่มูลค่า 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ" ดร.ศุภชัยกล่าว และชี้ว่าเม็ดเงินส่วนใหญ่ถูกนำไปลงทุนในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะในทวีปแอฟริกาและเอเชีย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัทจากจีนจะพัฒนาศักยภาพการลงทุนข้ามชาติไปได้ไกลแล้ว แต่ยังมีสิ่งที่ต้องปรับปรุงอีกมาก
ดร.ศุภชัยกล่าวต่อผู้เข้าร่วมประชุมว่า “ธุรกิจข้ามชาติของจีนควรยกระดับห่วงโซ่คุณค่าให้สูงขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจจีนกลายเป็นเศรษฐกิจที่อิงกับเงินทุนและทักษะความรู้มากขึ้นนั้น ก็อาจจะมีข้อได้เปรียบสำหรับบริษัทจีนในการเคลื่อนย้ายกิจกรรมที่เน้นแรงงานไปยังกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศในทวีปแอฟริกาที่มีประชากรมากและมีตลาดขนาดใหญ่ ซึ่งอาจจะเป็นโอกาสที่แท้จริงสำหรับบริษัทในภาคการผลิตและภาคบริการของจีน"
ทั้งนี้ ดร.ศุภชัยได้เน้นย้ำว่า “ผมจะเรียกร้องผู้นำภาคธุรกิจของจีนให้หลีกเลี่ยงการกระทำผิดพลาดซ้ำรอยบริษัทข้ามชาติบางรายในอดีต การทำลายสิ่งแวดล้อมและการสร้างความขัดแย้งทางสังคมสามารถและจะเป็นผลเสียต่อการดำเนินธุรกิจในตลาดโลกของบริษัทนั้น" จึงนับเป็นเรื่องสำคัญมากที่ผู้ประกอบการจากจีนจะต้องให้ความสำคัญต่อการประกอบธุรกิจที่รับผิดชอบต่อสังคมอย่างจริงจัง สำนักข่าวซินหัวรายงาน