นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.ภัทร กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง"มุมมองเศรษฐกิจและกลยุทธการลงทุนในการเลือกตั้งสหรัฐและวิกฤตยุโรป"ว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้คงจะเติบโตในอัตราต่ำกว่าช่วงครึ่งปีแรก และคาดว่าปีหน้าเศรษฐกิจจะยังชะลอตัวต่อเนื่อง
ขณะนี้เศรษฐกิจยุโรปยังมีความเสี่ยง แต่กระบวนการแก้ปัญหาต่างๆ ที่จะทยอยออกมา อาจทำให้ปัญหาของกรีซไม่ลุกลามออกไปยังสเปนและอิตาลี แต่ยังมองว่าเศรษฐกิจยุโรปในปีนี้จะติดลบ 0.7% ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐยังมีความไม่แน่นอน คาดว่าไตรมาส 4/55 จะเติบโตเพียง 1% และทั้งหมดส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยให้ช่วงครึ่งหลังปี 55 จะชะลอตัว เพราะการส่งออกขยายตัวไม่มาก ทั้งปีคาดว่าเศรษฐกิจขยายตัวได้ในอัตรา 5%
จากนั้นในปี 56 เศรษฐกิจของไทยจะชะลอตัวลง เนื่องจากคาดว่าปัญหายุโรปน่าจะทำให้เศรษฐกิจติดลบ 0.7% ส่วนภาวะเศรษฐกิจสหรัฐและญี่ปุ่นจะขยายตัวชะลอลงจากปีนี้เช่นกัน ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 56 จะขยายตัว 4.5%
"ปีหน้ากำลังซื้อจะไม่มากเท่าปีนี้ จะแผ่วลง เพราะปีนี้มีการเร่งซื้อรถยนต์จากมาตรการรถยนต์คันแรก ดังนั้น ในปีหน้ารัฐบาลต้องเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น แผนป้องกันน้ำท่วม แผนการลงทุนรถไฟความเร็วสูงให้เกิดเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการมีความร่วมมือกับพม่าเพื่อเพิ่มการลงทุน"นายศุภวุฒิ กล่าว
ทั้งนี้ เศรษฐกิจโลกยังเป็นความเสี่ยงที่จะส่งผลต่อการลงทุน ทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับอาจไม่สูงมาก ขณะเดียวกันจะต้องระมัดระวังความเสี่ยงที่คาดไม่ถึง เช่น กรณีของอิสราเอลที่ยังไม่พอใจอิหร่านเกี่ยวกับการพัฒนานิวเคลียร์ จึงอาจจะมีการดำเนินการใดๆ เพื่อตอบโต้ ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นได้ และหากราคาน้ำมันสูงขึ้นก็จะส่งแรงกดดันไปที่เงินเฟ้อทำให้ปรับตัวสูงขึ้น และทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ไม่สามารถปรับลดดอกเบี้ยลงได้