นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ยอมรับว่า การส่งออกปีนี้คงไม่สามารถโตได้ 15% ตามที่กระทรวงพาณิชย์วางเป้าหมายไว้ แต่ไม่หนักใจเพราะจากนี้ไปการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไทยจะมี 3 ตัวหลักที่ผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ คือ การใช้จ่ายภาครัฐ กำลังซื้อในประเทศ และการลงทุนภาคเอกชน ซึ่งเชื่อว่า ทั้ง 3 ส่วนจะทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ในปีนี้ทำได้ 5.5-6.0% ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์)คาดการณ์ไว้
รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้ตั้งเป้าหมายการส่งออกในปีนี้จะเติบโตที่ 9% แม้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) จะคาดการณ์ไว้ที่ 7.3% ก็ตาม โดยมองว่าเป้าหมายที่ 9% เป็นเป้าหมายให้ทุกฝ่ายพยายามเร่งผลักดันการทำงาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร
"การส่งออกที่จะโตได้ 15 เปอร์เซ็นต์ มีโอกาสน้อยลงทุกที แต่ส่วนตัวเชื่อว่าจะยังโตได้ 9 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่าที่สภาพัฒน์คาดการณ์ไว้ว่าจะโต 7.3 เปอร์เซ็นต์" นายกิตติรัตน์ กล่าวในการปาฐกถาพิเศษหัวข้อ"โรดแมพสู่อนาคตประเทศไทย"
หลังจากนี้ไปกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศจะไม่ได้อาศัยการส่งออกเป็นปัจจัยหลักเหมือนในอดีต แต่จะพึ่งพาเรื่องการใช้จ่ายภาครัฐ กำลังซื้อในประเทศ และการลงทุนภาคเอกชน มาเป็นกลไกที่ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจมีเสถียรภาพและแข็งแกร่ง ส่วนภาพรวมของการส่งออกนั้นอยากให้คำนึงถึงเรื่องการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้ามากขึ้น จากเดิมที่คำนึงถึงแต่เรื่องของปริมาณ
รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวถึงการกำหนดอัตราดอกเบี้ยว่า อยากให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสม และนำไปสู่การตัดสินใจของภาคเอกชนในการเข้ามาลงทุนได้อย่างเข้มแข็ง