บรรดานักการเมืองและนักเศรษฐศาสตร์ของญี่ปุ่นได้เรียกร้องเพิ่มมากขึ้นให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เข้าซื้อพันธบัตรต่างชาติเพื่อสกัดการแข็งค่าของเงินเยน และเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นพ้นจากภาวะเงินฝืด
ในการประชุมด้านนโยบายในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว นายคาซึมาสะ อิวาตะ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการบีโอเจ และปัจจุบันเป็นประธานศูนย์วิจัยเศรษฐกิจญี่ปุ่น ได้เสนอให้บีโอเจซื้อพันธบัตรต่างชาติมูลค่า 50 ล้านล้านเยน และนับตั้งแต่นั้น เสียงสนับสนุนแนวคิดดังกล่าวได้แพร่หลายไปสู่นักการเมือง ซึ่งรวมถึงนายเซอิจิ มาเอฮาระ หัวฝ่ายนโยบายของพรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่น (DPJ) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล
แนวคิดที่มีการนำเสนอดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะมีความคืบหน้ามากขึ้น ภายหลังจากที่นายทาเคฮิโร ซาโตะ ซึ่งเข้าเป็นสมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายของบีโอเจเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ได้สนับสนุนแนวคิดดังกล่าว
หากบีโอเจเตรียมเข้าซื้อพันธบัตรต่างชาติ ทางธนาคารจะจำเป็นต้องขายเงินเยนเพื่อแลกกับสกุลเงินต่างประเทศ อาทิ ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะทำให้เยนอ่อนค่าลง ขณะที่การแข็งค่าของเงินเยนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อศักยภาพการแข่งขันของกลุ่มผู้ส่งออกญี่ปุ่นอย่างมาก
แนวคิดดังกล่าวได้รับการเสนอในช่วงต้นทศวรรษที่ 2000 (ราวพ.ศ. 2543) ซึ่งช่วงนั้นบีโอเจอัดฉีดสภาพคล่องมากกว่าปกติสู่ระบบการธนาคาร หรือที่รู้จักกันว่า "การผ่อนคลายเชิงปริมาณ" เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศที่กำลังซวนเซ แต่กระทรวงการคลังยุติมาตรการดังกล่าวลง โดยยืนยันว่าการแทรกแซงตลาดสกุลเงินอย่างมีประสิทธิภาพในลักษณะดังกล่าวเป็นสิทธิเฉพาะของทางกระทรวง สำนักข่าวเกียวโดรายงาน