นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ยอมรับว่า การส่งออกปีนี้คงไม่สามารถโตได้ 15% ตามที่กระทรวงพาณิชย์วางเป้าหมายไว้ แต่ก็ไม่ได้ตกใจ เพราะด้วยหน้าที่ของการดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และรมว.คลัง ได้รับอนุญาตให้พูดไม่จริงได้ในบางเรื่อง หรือเรียกว่า White Lie (การโกหกในแง่ดี) ซึ่งหากพูดไปตั้งแต่แรกว่าการส่งออกจะโตไม่ถึง 15% ก็จะทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่น
"ส่งออกเดิมที่ตั้งไว้ 15% ไม่ถึงแน่ ผมไม่รู้สึกแปลกใจ แต่ในหน้าที่ของรมว.คลัง และทีมเศรษฐกิจ ที่ได้รับอนุญาตให้พูดไม่จริงได้บางเรื่อง ถ้าผมบอกตั้งแต่ต้นปีว่าส่งออกขยายตัวไม่ได้ ความเชื่อมั่นจะเป็นอย่างไร เวลานั้นมันเหมาะสมที่จะพูดแบบนั้นไหม" รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวในการปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "โรดแมพสู่อนาคตประเทศไทย"
อย่างไรก็ตาม ไม่หนักใจกับเรื่องดังกล่าว เพราะจากนี้ไปการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไทยจะมี 3 ตัวหลักที่ผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ คือ การใช้จ่ายภาครัฐ กำลังซื้อในประเทศ และการลงทุนภาคเอกชน ซึ่งเชื่อว่าทั้ง 3 ส่วนจะทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ในปีนี้เป็นไปได้ 5.5-6.0% ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) คาดการณ์ไว้ และมีโอกาสจะโตได้ถึง 7%
รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้ตั้งเป้าหมายการส่งออกในปีนี้จะเติบโตที่ 9% แม้สภาพัฒน์จะคาดการณ์ไว้ที่ 7.3% ก็ตาม โดยมองว่าเป้าหมายที่ 9% เป็นเป้าหมายเพื่อให้ทุกฝ่ายพยายามเร่งผลักดันการทำงานด้านการส่งออก ซึ่งไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรที่จะตั้งเป้าหมายไว้สูงกว่าการประเมินของสภาพัฒน์
"การส่งออกที่จะโตได้ 15% มีโอกาสน้อยลงทุกที แต่ส่วนตัวเชื่อว่าจะยังโตได้ 9% สูงกว่าที่สภาพัฒน์คาดการณ์ไว้ว่าจะโต 7.3%" นายกิตติรัตน์ กล่าว
หลังจากนี้ไปกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศจะไม่ได้อาศัยการส่งออกเป็นปัจจัยหลักเหมือนในอดีต แต่จะพึ่งพาเรื่องการใช้จ่ายภาครัฐ กำลังซื้อในประเทศ และการลงทุนภาคเอกชน มาเป็นกลไกที่ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจมีเสถียรภาพและแข็งแกร่ง ส่วนภาพรวมของการส่งออกนั้นอยากให้คำนึงถึงเรื่องการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้ามากขึ้น จากเดิมที่คำนึงถึงแต่เรื่องของปริมาณ
รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวถึงการกำหนดอัตราดอกเบี้ยว่า อยากให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสม เพื่อจะได้นำไปสู่การตัดสินใจของภาคเอกชนในการเข้ามาลงทุนได้อย่างเข้มแข็ง
ท้ายสุดนายกิตติรัตน์ กล่าวว่า โรดแมพในมุมมองของรัฐบาลชุดนี้ คือการนำพาประเทศให้ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างสมดุลย์ พึ่งพาการส่งออกเฉพาะเท่าที่จะทำได้ และพยายามลดการพึ่งพาการส่งออกให้น้อยลง หันไปใช้กลจักรทางเศรษฐกิจอื่นๆ เป็นตัวขับเคลื่อนแทน พร้อมยอมรับว่าการพูดอาจจะง่ายกว่าการลงมือปฏิบัติ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่ายให้เข้ามาช่วยกันในจุดนี้