สกุลเงินยูโรอ่อนตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วันเมื่อเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) หลังจากที่นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจเรื่องการแก้ปัญหาหนี้ยูโรโซน
เงินยูโรอ่อนค่าลง 0.41% เมื่อเทียบเงินดอลลาร์ ที่ระดับ 1.2511 ดอลลาร์/ยูโร จาก 1.2562 ดอลลาร์/ยูโรเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ขณะที่เงินปอนด์ก็อ่อนค่าลง 0.35% เมื่อเทียบดอลลาร์ ที่ 1.5802 ดอลลาร์/ปอนด์ จาก 1.5857 ดอลลาร์/ปอนด์
เงินดอลลาร์แข็งค่า 0.28% เทียบเยน ที่ 78.690 เยน/ดอลลาร์ จาก 78.470 เยน/ดอลลาร์ และแข็งค่า 0.40% เทียบฟรังก์สวิส ที่ 0.9596 ฟรังก์/ดอลลาร์ จาก 0.9558 ฟรังก์/ดอลลาร์
เงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลง 0.23% เทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ 1.0410 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จาก 1.0434 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย ขณะที่เงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ก็อ่อนลง 0.18% ที่ 0.8110 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จาก 0.8125 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเนื่องจากนักลงทุนสงสัยว่าผู้มีหน้าที่กำหนดนโยบายวางแผนอย่างไรในการควบคุมวิกฤตหนี้ ส่งผลให้นักลงทุนลดความต้องการในสกุลเงินยูโร อย่างไรก็ดี เงินยูโรไม่ร่วงลงไปมากกว่านี้เพราะมีข่าวว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กำลังพิจารณาว่าจะกำหนดขอบเขตอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในการซื้อพันธบัตรรอบใหม่ ซึ่งจะช่วยควบคุมต้นทุนการกู้ยืมและป้องกันไม่ให้เกิดการเก็งกำไร
ขณะเดียวกันนักลงทุนกำลังจับตาดูนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวแถลงในการประชุมประจำปีของเฟดในวันที่ 31 ส.ค.นี้ ซึ่งมีการคาดหมายว่าเฟดจะส่งสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 หรือ QE3 ซึ่งจะส่งผลลบต่อเงินดอลลาร์ เนื่องจากจะทำให้เงินดอลลาร์ด้อยค่าลง