(เพิ่มเติม1) นายกฯ คาดส่งออกปีนี้โตราว 8-9% เชื่อ"กิตติรัตน์"ไม่เจตนา white lie

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 27, 2012 16:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คาดว่า การส่งออกของไทยในปีนี้น่าจะโตได้ 8-9% พร้อมระบุว่า เชื่อว่านายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีเจตนาโกหก(white lie)เกี่ยวกับตัวเลขเป้าหมายการส่งออกของประเทศ

"ตัวเลขส่งออกปีนี้ที่สภาพัฒน์ประเมินไว้ที่ 7% กว่าๆ จากเดิมตั้งเป้าไว้ที่ 15% นั้น แต่เนื่องจากมีเหตุการณ์ต่างๆ เช่นความผันผวนจากเศรษฐกิจในยุโรป ทำให้การส่งออกลดลง เราพยายามจะทำให้การส่งออกอยู่ที่ 8-9% น่าจะประมาณนี้ นี่คือเป้าหมาย" นายกรัฐมนตรี ระบุ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูตลาดส่งออกที่จะสามารถเพิ่มศักยภาพการส่งออกของไทยได้มากขึ้น ส่วนระยะยาวนั้นรัฐบาลจะเน้นสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจในประเทศ

ส่วนกรณีที่นายกิตติรัตน์ ออกมายอมรับเรื่องการส่งออกว่าทราบตั้งแต่แรกแล้วว่าการส่งออกในปีนี้จะทำได้ไม่ถึง 15% ตามเป้าหมาย แต่ต้องยอมที่จะไม่พูดความจริงเพราะได้รับอนุญาตให้พูดไม่จริงได้ในบางเรื่องนั้น นายกรัฐมนตรี เชื่อว่านายกิตติรัตน์ คงไม่มีเจตนาที่จะโกหก และยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสั่งให้นายกิตติรัตน์ พูดในลักษณะเช่นนั้น

"จริงๆ เชื่อว่าทุกคนมีเจตนาดีสำหรับประเทศ ท่านรองนายกฯ กิตติรัตน์ มีเจตนาดี ไม่มีเหตุผลมาปกปิดอะไร...เชื่อว่าท่านไม่มีเจตนา(โกหก) ถ้ามีเจตนาคงไม่พูดอย่างนี้ คำสั่งอะไร ไม่มีหรอก ใครจะสั่งได้ ตัวเลขเป็นตัวเลขจริงทั้งหมด" นายกรัฐมนตรี กล่าว

ช่วงบ่ายวันนี้ นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานมอบประกาศเกียรติคุณและรางวัลผู้ส่งออกสินค้าและบริการดีเด่นประจำปี 2555 พร้อมยืนยันนโยบายรัฐบาลต่อการดูแลธุรกิจภาคส่งออก โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ธุรกิจส่งออกสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ นอกจากนำชื่อเสียงไปยังต่างประเทศ และยังสร้างรายได้เข้าประเทศ และเป็นการเพิ่มกำลังด้วยการผลิตในไทย ทำให้เกิดการจ้างงาน เกิดวงจรอย่างมีประสิทธิภาพ

แต่ขณะนี้การส่งออกไทยกำลังเจอภาวะที่ท้าทายจากเศรษฐกิจโลก ดังนั้นจึงต้องมีการปรับวิธีการทำงาน และปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาของคนใดคนหนึ่ง ทุกฝ่ายต้องร่วมกันคิด ให้การส่งออกขยายตัว ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทาย ซึ่งต้องคิอว่าจะทำอย่างไรที่จะรักษาฐานตลาดเก่าและเปิดตลาดใหม่ในภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงของผู้ซื้อและเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้หารือร่วมกับนักธุรกิจภาคการส่งออก โดยมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 4 ชุด ได้แก่ 1.พิจารณาลดอุปสรรคผู้ส่งออก 2.ขับเคลื่อนตลาดยุโรปเปิดตลาดใหม่ 3.สร้างฐานการผลิตประเทศเพื่อนบ้านและการค้าชายแดนรองรับประชาคมอาเซียนให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ส่งเสริมซึ่งกันและกัน 4.ผลักดันการส่งออกรายสินค้า เช่น อาหาร สินค้าเกษตร อัญมณี เครื่องประดับ สิ่งทอ ซึ่งต้องไม่มองข้ามโอกาสในอนาคต และล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพานิชย์ได้ร่วมกันขยายการเปิดตลาด และปรับทีมการทำงานระหว่างสถานทูตและกระทรวงพาณิชย์เป็นทีมไทยแลนด์ เพื่อตอบโจทย์บริษัทผู้ส่งออกและต่างประเทศ

นายกรัฐมนตรี ยังได้ฝากข้อแนะนำไปยังผู้ส่งออก 2 เรื่อง คือ ขอให้ผู้ส่งออกหาทางเปิดตลาดการค้าอาเซียน โดยการหาแหล่งวัตถุดิบผลิตสินค้าส่งออกให้คุ้มทุนที่สุด โดยที่ภาครัฐจะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อลดต้นทุนการขนส่งให้กับผู้ประกอบการ และอยากให้ผู้ส่งออกมองตลาดที่มีคุณภาพ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มนอกเหนือจากเรื่องของปริมาณ

ทั้งนี้ ในฐานะรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภาครัฐ นายกรัฐมนตรี ยืนยัน จะร่วมกันทำงานกับภาคเอกชน เพื่อสนับสนุนการส่งออก แม้จะเจอสิ่งต่างๆ ที่ท้าทาย เพราะรัฐบาลอยากเห็นผู้ประกอบการมีความเข้มแข็งเป็นที่ยอมรับของสากล


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ