ซู เซียน ลิม นักเศรษฐศาสตร์ ประจำภูมิภาคอาเซียน ธนาคารเอชเอสบีซี คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ในระดับ 5.5% ก่อนจะเติบโต 4.5% ในปีหน้า ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 3.4% ส่วนปีหน้าจะเร่งตัวขึ้นเป็น 3.8% ดังนั้นจึงคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้จะยังทรงตัวอยู่ที่ 3.0% และจะขยับขึ้นเป็น 3.8% ในปี 56
ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท ณ สิ้นปีนี้น่าจะอยู่ที่ 30.90 บาท/ดอลลาร์ และปีหน้าจะแข็งค่าขึ้นมาที่ 30.00 บาท/ดอลลาร์
นักเศรษฐกิจ HSBC มองว่า เศรษฐกิจเอเชียยังคงเติบโตได้เรื่อยๆ แม้ว่ายังมีปัญหาวิกฤตหนี้ในยุโรปและการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ต่ำกว่าคาด ขณะที่เศรษฐกิจอาเซียนรวมทั้งเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรกเติบโตได้ดีกว่าที่คาด
ทั้งนี้ เศรษฐกิจอาเซียนส่วนใหญ่ที่ขยายตัวได้สูงกว่าคาดว่าเป็นผลมาจากอุปสงค์ในประเทศ ซึ่งช่วยชดเชยการส่งออกสุทธิที่ลดลงได้อย่างมาก โดยเฉพาะด้านการลงทุนที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง อุปสงค์ในประเทศที่แข็งแกร่งจะช่วยต้านทานอุปสงค์โลกที่อ่อนแอลง เศรษฐกิจอาเซียนโดยรวมมีแนวโน้มค่อยๆ ชะลอตัวลง ไม่เป็นแบบทันทีทันใด
อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และตลาดแรงงานที่ตึงตัว จะช่วยรักษาระดับการลงทุนและการบริโภคของอาเซียนได้ ในด้านเงินเฟ้อ ราคาน้ำมันดิบและราคาอาหารโลกที่สูงขึ้นทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในขณะนี้ก็ยังไม่น่าวิตกกังวล เนื่องจากค่าเงินที่แข็งขึ้นและปริมาณผลผลิตข้าวซึ่งเป็นอาหารหลักยังพอเพียง และการควบคุมราคาสินค้าของรัฐบาล จะช่วยประคับประคองแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อได้
ในความเป็นจริง สินเชื่อมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเกินไป ปัจจุบันนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายในภูมิภาคเอเชียไม่ได้สูงไปกว่าในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจโลกมากนัก ทำให้สินเชื่อขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในอาเซียน ดังนั้นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางจะปรับลดลงไม่มาก ขณะที่นโยบายการคลังในแง่ของการกระตุ้นเชิงนโยบายจะต้องมีประสิทธิผลมากขึ้น และคาดว่าการขาดดุลงบประมาณในปีนี้มีแนวโน้มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 54