(เพิ่มเติม) ก.พลังงานโชว์ผลงาน 1 ปีบริหารราคาน้ำมัน-ผลักดันไทยเป็น Hub พลังงานอาเซียน

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 6, 2012 16:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน แถลงผลการดำเนินงานของกระทรวงพลังงานในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จ โดยสามารถดูแลราคาพลังงานให้เหมาะสมเป็นธรรม ช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยสิ่งแรกที่ได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน คือ การแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันด่วยการชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นการชั่วคราว โดยปรับลดเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันของเบนซิน 95, 91 และดีเซล ซึ่งเป็นผลให้ราคาน้ำมันเบนซิน 95 ลดลงลิตรละ 8 บาท, เบนซิน 91 ลดลง 7 บาท และดีเซลลดลง 3 บาททันที

การออกบัตรเครดิตพลังงาน NGV สำหรับรถรับจ้างสาธารณะ, รถแท็กซี่, รถตู้, รถสองแถว โดยเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.54 มีผู้เข้าร่วมโครงการได้รับส่วนลดมากกว่า 85,000 ใบ และมีผู้ได้รับบัตรเครดิตมากกว่า 22,800 คน นอกจากนี้เมื่อวันที่ 15 ส.ค.55 ได้เปิดโครงการบัตรเครดิตพลังงานยกกำลัง 2 เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ถือบัตรเครดิตพลังงาน NGV กลุ่มรถแท็กซี่, รถสามล้อ, รถตู้ร่วม ขสมก. และวินมอเตอร์ไซด์รับจ้างด้วย

ขณะเดียวกัน กระทรวงพลังงานได้ตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชนอันเนื่องมาจากราคาพลังงาน จึงได้แก้ไขปัญหาค่าครองชีพ โดยใช้เงินกองทุนฯ บริหารช่วงที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเข้ามาดูแลราคาพลังงานให้เหมาะสม รักษาระดับราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร คงราคาขายปลีก NGV ที่ 10.50 บาท/กก. ตรึงราคาขายปลีก LPG ภาคครัวเรือนไปจนถึงสิ้นปี 55 เพื่อมิให้ประชาชนเดือดร้อน ทยอยปรับขึ้นราคาขายปลีก LPG ภาคอุตสาหกรรมให้เป็นไปตามต้นทุนโรงกลั่นน้ำมัน โดยกำหนดราคาขายปลีกไว้ที่ไม่เกิน 30.13 บาท/กก. และทยอยปรับขึ้นราคาขายปลีก LPG ภาคขนส่ง

ทั้งนี้ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานยังสร้างรายได้จากอุตสาหกรรมพลังงานให้กับประเทศ โดยมีรายได้นำส่งรัฐมากเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศ จำนวนกว่า 157,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากค่าภาคหลวงปิโตรเลียมกว่า 75,000 ล้านบาท และภาษีเงินได้ปิโตรเลียมกว่า 82,000 ล้านบาท รวมทั้งการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน โดยจัดทำแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ พีดีพี 2010

นอกจากนี้ ยังมีการปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยทยอยขึ้นราคาเอ็นจีวี จาก 8.50 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 10.50 บาทต่อกิโลกรัม ,ขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่ง ขณะที่ภาคครัวเรือน ยืนยันตรึงราคาไปจนถึงสิ้นปีนี้ ส่วนจะปรับขึ้นในปีหน้าหรือไม่ จะต้องรอดูสถานการณ์ แต่หากปรับขึ้นจะต้องไม่กระทบต่อประชาชน รวมทั้งการดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพและอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะต้องมีการศึกษาความเหมาะสมว่า หากมีการปรับขึ้นดีเซลควรอยู่ในระดับใดที่จะไม่มีผลกระทบต่อประชาชน และเศรษฐกิจของประเทศ โดยจะดำเนินการให้เร็วที่สุด เนื่องจากขณะนี้ ราคาน้ำมันตลาดโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง และมีโอกาสปรับลดลงได้ยาก โดยเฉพาะในช่วงปลายปีนี้ ที่เป็นช่วงฤดูหนาวทำให้ยุโรปมีการน้ำมันเพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงยังมีความจำเป็น ต้องใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาดูแลราคาดีเซล

"พอใจผลการดำเนินงานในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ที่กระทรวงพลังงาน ได้ดำเนินนโยบาย ทั้งนโยบายเร่งด่วน และนโยบายหลัก โดยสามารถดูแลราคาพลังงานให้เหมาะสมและเป็นธรรม ลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน ด้วยการชะลอการจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จากน้ำมัน 3 ชนิดชั่วคราว ทำให้ราคาขายปลีกเบนซิน 95 ลดลงทันที 8 บาทต่อลิตร, เบนซิน91 ลดลง7บาทต่อลิตร และดีเซลลดลง 3 บาทต่อลิตร รวมทั้งการออกบัตรเครดิตพลังงาน เพื่อใช้เป็นส่วนลดในการเติมก๊าชธรรมชาติสำหรับยานยนต์ หรือ เอ็นจีวี" รมว.พลังงาน กล่าว

รมว.พลังงาน กล่าวต่อว่า กระทรวงพลังงานยังได้เน้นการดำเนินงานในด้านต่างๆ ที่สำคัญ 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.ด้านความมั่นคงด้านพลังงาน ได้แก่ การสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงทางยุทธศาสตร์ของประเทศเพื่อเพิ่มความมั่นคงทางด้านพลังงาน โดยกำหนดเป้าหมายการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงเบื้องต้นไว้ที่ 90 วันจากเดิม 36 วันของความต้องการใช้ภายในประเทศ, จัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) โดยเฉพาะในส่วนนโยบายด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เพื่อเป็นพื้นฐานรองรับการขยายกำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศในอีก 20 ปีข้างหน้า

ขณะเดียวกันประเทศไทยได้ทำข้อตกลงความร่วมมือระหว่างประเทศด้านพลังงาน เช่น ศึกษาการจัดทำแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติงานด้านพลังงานระหว่างประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมประเทศของสาขาพลังงาน และอุตสาหกรรมพลังงานที่เกี่ยวข้องในการเข้าร่วมประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) เป็นต้น

2. ด้านพลังงานทดแทน ได้แก่ เป้าหมายและแผนงานรองรับการพัฒนาพลังงานทดแทนของประเทศ ,นโยบายส่งเสริมการใช้เอทานอลอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะมาตรการยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.55 เป็นต้นไป เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ซึ่งมีส่วนผสมของเอทานอลให้มากยิ่งขึ้น เป็นต้น

3. ด้านการอนุรักษ์พลังงาน ได้แก่ แผนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี (2554-2573) มีเป้าหมายเพื่อลดการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายในปี 2573 อย่างน้อย 38,200 Ktoe (พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ) (มากกว่าแผนเดิม 8,200 ktoe) ลดการปล่อย CO2 ในปี 2573 ประมาณ 130 ล้านตัน รวมทั้งสามารถประหยัดพลังงานในปี 2573 ได้ 707,700 ล้านบาท บังคับหน่วยราชการทุกแห่งประหยัดพลังงานลงอย่างน้อย 10% คาดว่าจะสามารถลดการใช้ไฟฟ้าลงได้ 316.9 ล้านหน่วย คิดเป็นเงินมูลค่า 950 ล้านบาท ลดการใช้น้ำมัน 19.1 ล้านลิตร คิดเป็นเงิน 669 ล้านบาท รวมทั้งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นต้น

4. การช่วยเหลือด้านอื่นๆ ได้แก่ การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยโดยผ่านคูปองเพื่อเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าประหยัดพลังงานเบอร์ 5 และการช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพรถรับจ้างสาธารณะผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรเครดิตพลังงาน

5. การจัดหาปิโตรเลียมและการจัดเก็บผลตอบแทนแก่รัฐ ได้แก่ การจัดหาปิโตรเลียม กำกับดูแลให้ผู้รับสัมปทานสามารถจัดหาปิโตรเลียมทั้งในพื้นที่ตามสัมปทานภายใต้พระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 และพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย ภายใต้พระราชบัญญัติองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย พ.ศ. 2533 เพื่อตอบสนองความต้องการใช้พลังงานของประเทศ, การให้สัมปทานปิโตรเลียม โดยอยู่ระหว่างเตรียมการเปิดให้สัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 เป็นต้น

นายอารักษ์ กล่าวอีกว่า กระทรวงพลังงานโดยกรมธุรกิจพลังงานกำลังกำหนดรูปแบบการลงทุน วิเคราะห์และพัฒนาประสิทธิภาพการลงทุนก่อสร้างท่อขนส่งน้ำมันส่วนต่อขยายจากภาคกลางบริเวณจังหวัดสระบุรีไปยังภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม คาดว่าจะสำเร็จเป็นรูปธรรมในสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ.2555 นี้รวมถึงจะมีแผนปฏิบัติงานที่ชัดเจน

ผลดีที่จะเกิดขึ้นจากการพัฒนาระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อ ได้แก่ ลดการขนส่งของรถบรรทุกน้ำมัน, ประหยัดน้ำมันในการขนส่ง 40 ล้านลิตรต่อปี ซึ่งค่าขนส่งน้ำมันถูกลงทำให้ประชาชนที่อยู่ในต่างจังหวัดใช้น้ำมันในราคาใกล้เคียงหรือเท่ากับ กทม. ลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดจากรถขนส่งน้ำมัน เป็นต้น

"ในปี 2556 กระทรวงพลังงานจะมุ่งเน้นในการจัดหาแหล่งพลังงาน สร้างความมั่นคงให้กับประเทศ และดำเนินงานด้านพลังงานควบคู่ไปกับการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนด้านพลังงานอย่างเต็มกำลัง เพื่อเป็นการปูทางไปสู่การเป็นศูนย์กลางธุรกิจพลังงานของภูมิภาคต่อไป" นายอารักษ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ