นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท. (PTT) มองราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกน่าจะทรงตัวที่ระดับ 110 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลไปจนถึงสิ้นปีนี้ เนื่องจากมองว่าอุปสงค์และอุปทานในตลาดอยู่ในระดับทรงตัว ประกอบกับในสหรัฐไม่ต้องการให้ราคาน้ำมันดิบราคาสูงไปกว่า 120 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล มิฉะนั้นจะนำน้ำมันไปเป็นน้ำมันสำรองตามยุทธศาสตร์ ขณะที่โอเปคก็ไม่ต้องการให้ราคาน้ำมันอยู่ระดับต่ำกว่านี้เช่นกัน
นอกจากนี้พร้อมสนับสนับแนวคิดของกระทรวงพลังงานที่จะปรับขึ้นเพดานราคาน้ำมันดีเซล จากปัจจุบันที่ตรึงไว้ที่ 30 บาท/ลิตร เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซลและเบนซินมีส่วนต่างราคาค่อนข้างมาก และภาระการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันไปอยู่ที่ผู้ใช้น้ำมันเบนซิน
ด้านนายพีระพงษ์ อัจฉริยชีวิน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ PTT กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทคงไม่สามารถเปิดสถานีบริการ NGVได้ตามแผนที่สิ้นปีนี้จะมี 502 แห่ง จากปัจจุบันมี 479 แห่ง เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านใบอนุญาต ด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) และชุมชน ประกอบกับปัจจุบันสถานีแม่มีปริมาณก๊าซไม่เพียงพอต่อการกระจายให้สถานีลูก ซึ่งปัจจุบันมีการใช้กำลังการผลิตไม่เต็มที่ ดังนั้นหากมีการขยายสถานีบริการเพิ่มเติมคงไม่เกิดประโยชน์ อย่างไรก็ตามตามแผนภายในสิ้นปี 55 สถานีแม่จะมีการเพิ่มปริมาณก๊าซอีก 1,500 ตัน จากปัจจุบันที่ 900 ตัน
และขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงพลังงานเพื่อขอขาย NGV หน้าท่อ จากปัจจุบันบริษัทมีการเปิดสถานีบริการเพื่อขายก๊าซเอง เพื่อให้เอกชนที่ต้องการเปิดสถานีบริการได้มาซื้อก๊าซหน้าท่อ โดยบริษัทจะกำหนดราคาขายจากราคาที่ขายให้ EGAT บวกส่วนเพิ่มเป็นค่าดำเนินการอีก 10-15% แต่จะไม่ทำให้ราคา NGV เกิน 60%ของราคาน้ำมันดีเซล