สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 ก.ย.) ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากข้อมูลด้านแรงงานที่แข็งแกร่งทำให้นักลงทุนลดการถือครองสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.2643 ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.2599 ดอลลาร์ สกุลเงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.5936 ดอลลาร์ จากระดับ 1.5904 ดอลลาร์
ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 78.88 เยน จากระดับ 78.41 เยน และร่วงลงสู่ระดับ 0.9554 ฟรังค์สวิส จากระดับ 0.9532 ฟรังค์สวิส
ค่าเงินยุโรพุ่งขึ้นหลังจากนายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบีประกาศโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซนแบบไม่จำกัดจำนวนภายหลังการประชุมเมื่อวานนี้ ด้วยเป้าหมายที่จะฉุดต้นทุนการกู้ยืมของประเทศต่างๆในยูโรโซนให้ลดลง พร้อมระบุว่าอีซีบีจะดำเนินการจัดการสภาพคล่องในระบบให้อยู่ในภาวะที่สมดุล
นายดรากิ ประธานอีซีบีเปิดเผยในแถลงการณ์ว่า สภาบริหารของอีซีบีได้ตัดสินใจทำธุรกรรม Outright Monetary Transactions (OMTs) ในตลาดรอง เพื่อซื้อพันธบัตรของประเทศต่างๆในยูโรโซน โดยจะเป็นการซื้อโดยไม่จำกัดจำนวน และการทำธุรกรรมดังกล่าวจะมุ่งเน้นไปที่การฉุดต้นทุนการกู้ยืมให้ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นทุนการกู้ยืมของพันธบัตรที่มีกำหนดไถ่ถอนในระยะเวลา 1-2 ปี
ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนแรงลงหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลด้านแรงงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งทำให้นักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 ก.ย. ลดลง 12,000 ราย มาอยู่ที่ 365,000 ราย ซึ่งลดลงมากกว่าที่มีการคาดการณ์กันไว้
ขณะที่ ADP Employer Services เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 201,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 140,000 ตำแหน่ง
นักลงุทนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนส.ค.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในคืนนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 120,000 - 125,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนส.ค.จะทรงตัวอยู่ที่ 8.3%