กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่ายอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นเดือนก.ค. ลดลง 40.6% เทียบกับเมื่อหนึ่งปีก่อน สู่ระดับ 6.254 แสนล้านเยน ส่งสัญญาณถึงการส่งออกไปยุโรปและจีนที่อยู่ในภาวะอ่อนแอ ขณะที่การนำเข้าพลังงานเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
รายงานขั้นต้นของกระทรวงการคลังระบุว่า ดุลการชำระเงินรหว่างประเทศ ซึ่งเป็นมาตรวัดการค้าที่กว้างที่สุดของญี่ปุ่น ร่วงลดติดต่อกันเป็นเดือนที่ 17 ส่งสัญญาณเตือนถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาลง สกุลเงินเยนที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่องซึ่งชะลอการส่งออกของญี่ปุ่น รวมทั้งการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบ
สำหรับองค์ประกอบสำคัญในดุลบัญชีเดินสะพัดนั้น พบว่ายอดขาดดุลการค้าอยู่ที่ 3.736 แสนล้านเยน การส่งออกร่วงลง 7.4% แตะ 5.1184 ล้านล้านเยน และการนำเข้าสูงขึ้น 1.9% แตะ 5.4919 ล้านล้านเยน
ยอดการส่งออกไปยังสหรัฐขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากยอดส่งออกสินค้าที่แข็งแกร่ง อาทิ รถยนต์ ขณะที่ยอดการส่งออกไปสหภาพยุโรป (อียู) และจีนลดลงต่อเนื่อง จากวิกฤติหนี้สาธารณะในยุโรปซึ่งกระทบเชิงลบต่อประเทศอื่นๆนอกภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ผ่านช่องทางการค้าและการเงิน
ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่ร่วงลงเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือนนั้น เป็นผลจากยอดนำเข้าที่เพิ่มขึ้นด้วย โดยกระทรวงการคลังระบุว่าเกิดจากราคาก๊าซธรรมชาติเหลวที่สูงขึ้น ซึ่งโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่นใช้กันเพิ่มขึ้นเพื่อหนุนการผลิตไฟฟ้าพลังงานความร้อน และเพื่อชดเชยพลังนิวเคลียร์ส่วนที่เสียไปเกือบทั้งหมดจากการปิดเตาปฏิกรณ์ หลังเกิดวิกฤตกัมมันตรังสีรั่วไหลที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ ไดอิจิ สำนักข่าวเกียวโดรายงาน