นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบกลางประจำปี 2555 จำนวน 78 ล้านบาทเศษ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยเพื่อการผลิตเอทานอลของจ.ตาก ซึ่งผ่านที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ซึ่งมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในคราวประชุมครั้งที่ 11/2555 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม 2555 แล้ว
ซึ่งกรมควบคุมมลพิษได้รายงานผลการสำรวจการกระจายตัวของสารแคดเมี่ยมอันเป็นมาจากการดำเนินกิจการของบมจ. ผาแดงอินดัสตรี้ (PDI) และ บริษัท ตากไมนิ่ง จำกัด ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 4 หมื่นไร่ พบว่าพื้นที่มีสารแคดเมี่ยมต่ำกว่า 3 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม มีอยู่ 3.6 หมื่นไร่ พื้นที่ที่มีสารแคดเมี่ยมเกิน 3 มิลลิกรัม แต่ไม่เกิน 30 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมมีประมาณ 3 พันไร่ และพื้นที่ที่มีสารแคดเมี่ยมเกิน 30 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมมีประมาณ 32 ไร่ จึงต้องให้เกษตรกรในพื้นที่ที่วิกฤติเปลี่ยนไปปลูกพืชอาหารแทน
สำหรับการจ่ายเงินชดเชยพิเศษเพิ่มเติมจากราคารับซื้อหน้าโรงงานในราคาตันละ 200 บาทในปีการผลิต 2554/2555 มีจำนวน 1,072 ราย พื้นที่ปลูกอ้อย 4.6 หมื่นไร่เศษ ปริมาณอ้อยเข้าหีบ 3.93 แสนตัน คิดเป็นเงินชดเชยทั้งหมด 78 ล้านบาทเศษ โดยกำหนดเป็นแผนระยะเร่งด่วนและให้จ่ายเงินชดเชยเป็น 2 ส่วน คือ อ้อยที่ปลูกในพื้นที่ 23 หมู่บ้านเป้าหมาย และอ้อยที่ปลูกเพื่อส่งเสริมของบริษัท แม่สอดพลังงานสะอาด โดยให้ บริษัท แม่สอดฯ จัดทำรายชื่อเกษตรกร
ส่วนแผนระยะยาวได้มอบกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน พิจารณาหาแนวทางการชดเชยต่อการผลิตแอลกอฮอล์หรือเอทานอลต่อลิตรผ่าน บริษัท ปตท. ให้แก่บริษัท แม่อสดพลังงานสะอาด เพื่อให้บริษัทแม่สอดสะอาดสามารถรับซื้ออ้อยได้ในราคาทัดเทียมกับเกษตรกรผู้ปลูกส่งโรงงานผลิตน้ำตาล โดยเงินชดเชยจะพิจารณาเป็นปีต่อปีไป