น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 ในประเด็นเกี่ยวกับการเสียค่าธรรมเนียมจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเพียงครั้งเดียว ภายใต้สกุลเงินสกุลเดียว จะมีผลบังคับใช้ครอบคลุมพื้นที่ 86 ประเทศที่เป็นสมาชิกตามพิธีสารมาดริด โดยให้ส่งเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
นางปัจฉิมา ธนสันติ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า ในร่างแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 ได้มีการเพิ่มบทบัญญัติให้การละเมิดเครื่องหมายการค้าสินค้าโดยการทำสินค้าปลอมแล้วนำมาบรรจุในบรรจุภัณฑ์ที่มีเครื่องหมายการค้าถูกต้อง ให้ถือว่าเป็นการละเมิดเครื่องหมายการค้าด้วย ซึ่งผู้กระทำผิดจะมีโทษปรับไม่เกิน 400,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือทั้งจำและปรับ โดยหลังจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการออกเป็นกฎหมายต่อไป คาดว่าน่าจะเสร็จสิ้นและมีผลบังคับใช้ได้ราวปีหน้า
สำหรับสาเหตุที่ต้องเพิ่มเติมมาตรานี้เข้าไปใน พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า เนื่องจากในปัจจุบันตลาดนัดหรือตลาดในต่างจังหวัด มักพบสินค้าปลอมจำนวนมาก โดยผู้ค้าจะผลิตสินค้าปลอมแล้วนำมาใส่ในบรรจุภัณฑ์ที่มีเครื่องหมายการค้าถูกต้องก่อนนำไปขาย จนบางครั้งส่งผลให้ประชาชนได้รับอันตรายจากการบริโภค
โดยสินค้าที่พบบ่อยในกรณีดังกล่าว เช่น สบู่, แชมพู, เหล้า, น้ำหอม, กาแฟ, และเครื่องปรุงรส ประเภทซอส ซีอิ๊ว น้ำปลา อีกทั้งในพ.ร.บ.เครื่องหมายการค้าเดิม ไม่ได้ระบุโทษในลักษณะดังกล่าวไว้ แต่เมื่อพบการกระทำความผิดจะใช้กฎหมายอาญาดำเนินการ และมีบทลงโทษไม่รุนแรง จึงทำให้ผู้กระทำผิดไม่หลาบจำ
นอกจากนี้นายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ ยังได้ขอความร่วมมือไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) รวมถึงสั่งการให้กรมและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ เข้มงวดตรวจสอบตลาดนัดและตลาดทั่วประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการขายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาโดยเฉพาะอาหาร
ขณะเดียวกันยังได้สั่งการให้เชิญเจ้าของสถานที่ เช่น กรมธนารักษ์ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กรุงเทพมหานคร (กทม.) มาหารือเพื่อให้ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับผู้เช่าสถานที่ที่ขายสินค้าละเมิด เช่น ยกเลิกสัญญาเช่า เพื่อไม่ให้มีการขายสินค้าละเมิดได้อีก