ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่กรณีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 และ บมจ.ไออาร์พีซี(IRPC) หรือเดิมคืด บมจ.อุตสาหกรรมปิโตรเคมีคัลไทย(TPI) ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TPI และกลุ่มเครือญาติ เป็นจำเลยที่ 1-6 ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535, ฐานร่วมกันกระทำการใดเพื่อช่วยเหลือและให้ความสะดวกกรรมการบริษัทฯ ทำให้เกิดความเสียหายด้วยการยักยอกทรัพย์(ไซฟ่อนเงิน) ด้วยการทำสัญญาเช่าตึกทีพีไอที่กลุ่มผู้ให้เช่าและผู้เช่าเป็นกลุ่มเดียวกัน และมีการชำระค่าเช่าล่วงหน้า 90 ปี ตามสัญญาเช่า รวม 4 ฉบับ เป็นเงินมูลค่า 956,842,206 ล้านบาท อันเป็นการชำระค่าเช่าล่วงหน้าเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างปี 2538-2542 โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2550 ให้ยกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าสัญญาเช่าตึกดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเนื่องจากผู้พิพากษาในขณะนั้นลงนามรับรองร่างคำพิพากษาขณะที่ไม่ได้อยู่บนบัลลังก์ อีกทั้งหลังจากลงนามในใบสิ้นสุดคดีก็พ้นจากผู้พิพากษาศาลชั้นต้นไปแล้ว โจทก์ร่วมได้ยื่นคำแถลงข้อคดีในภายหลังแต่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ทำให้โจทก์ร่วมเห็นมิชอบต่อการพิพากษาของศาลชั้นต้น ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่ หลังโจทก์ยื่นอุทธรณ์ว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ชอบ ซึ่งศาลชั้นต้นได้นัดฟังคำพิพากษาใหม่อีกครั้งในวันที่ 13 พ.ย.55 เวลา 09.00 น.