มอร์แกน สแตนลีย์ ตัดสินใจปรับลดคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนในปี 2555 และ 2556 เป็นขยายตัว 7.5% และ 7.9% ตามลำดับ จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 8% และ 8.6% ตามลำดับ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจจีนอ่อนแอเกินคาด
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยว่า ผลผลิตมูลค่าเพิ่มภาคอุตสาหกรรมของจีนขยายตัว 8.9% ในเดือนส.ค. ซึ่งชะลอตัวจากระดับ 9.2% ในเดือนก.ค. และถือเป็นอัตราขยายตัวที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2552
ขณะเดียวกันจีนเปิดเผยว่า การลงทุนในสินทรัพย์คงที่ในเขตเมืองเพิ่มขึ้น 20.2% เมื่อเทียบปีต่อปี สู่ระดับ 21.8 ล้านล้านหยวน (3.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วงเดือนม.ค.-ส.ค. ลดลง 0.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดือนม.ค.-ก.ค.
มอร์แกน สแตนลีย์ ระบุว่า "ข้อมูลเศรษฐกิจเดือนส.ค.บ่งชี้ว่า ความหวังที่เศรษฐกิจจะดีดตัวในไตรมาส 3 คงมีความเป็นไปได้น้อยลง" พร้อมกับคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนน่าจะเริ่มฟื้นตัวปานกลางในช่วงต้นปีหน้า
นอกจากนั้นมอร์แกน สแตนลีย์ ยังระบุด้วยว่าจะถอนคาดการณ์ที่ว่าจีนจะลดดอกเบี้ยอีกครั้งก่อนสิ้นปี เนื่องจากราคาอสังหาริมทรัพย์และอาหารมีสิทธิดีดตัวขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อในเดือนส.ค.ดีดตัวขึ้นเล็กน้อยแตะ 2% เนื่องจากราคาอาหารสูงขึ้น
อย่างไรก็ดี มอร์แกน สแตนลีย์ จะตรึงคาดการณ์ดัชนีราคาผู้บริโภ (CPI) ไว้ที่ 2.9% สำหรับปี 2555 และ 3.1% สำหรับปี 2556 สำนักข่าวซินหัวรายงาน