สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 ก.ย.) หลังจากศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนีลงมติรับรองกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ซึ่งจะเป็นการปูทางให้ ESM สามารถช่วยกอบกู้วิกฤตในยูโรโซนได้
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.2892 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1. 2860 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.6102 ดอลลาร์ จากระดับ 1.6070 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐสหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9376 ฟรังค์ จากระดับ 0.9389 ฟรังค์ แต่ดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 77.87 เยน จากระดับ 77.78 เยน
สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นหลังจากศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนีอนุมัติการให้สัตยาบันรับรองกองทุน ESM เมื่อวานนี้ ซึ่งจะเป็นการปูทางให้ ESM เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการกู้วิกฤตยูโรโซนได้
ทั้งนี้ ESM เป็นกองทุนช่วยเหลือถาวรของสหภาพยุโรปและมีวงเงิน 5 แสนล้านยูโร ซึ่งจะดำเนินการต่อจากกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) นั้น แต่เดิมมีแผนที่จะเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 ก.ค.
อย่างไรก็ตาม ศาลระบุเงื่อนไขว่ารัฐสภาเยอรมนีควรได้รับข้อมูลที่รอบด้านเกี่ยวกับการตัดสินใจในอนาคตของ ESM และควรมีการจำกัดภาระทางการเงินของเยอรมนีในกองทุนดังกล่าว โดยศาลระบุในแถลงการณ์ฉบับหนึ่งว่า ไม่ควรมีการเพิ่มเงินกองทุนของ ESM โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกสภาผู้แทนของเยอรมนี นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในวันนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่า เฟดจะประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรืออาจจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 (QE3) หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนส.ค.ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเพียง 96,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 125,000 ตำแหน่ง