นายธีระ วงษ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ แถลงผลการดำเนินงานในรอบ 1 ปีของกระทรวง ซึ่งประกอบด้วย นโยบายเร่งด่วนที่เริ่มดำเนินการในปีแรก, นโยบายปรับโครงสร้างเศรษฐกิจภาคเกษตร และนโยบายที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นการให้ความสำคัญกับการพัฒนาเกษตรกร, องค์กรเกษตรกร, การพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตร เพื่อจะแข่งขันและเป็นฐานความมั่นคงทางอาหารและพลังงานของประเทศ ตลอดจนการให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรในไร่นาให้มีความยั่งยืน
ทั้งนี้ สำหรับผลการดำเนินงานในรอบ 1 ปีที่กระทรวงเกษตรฯ พอใจ คือ 1.การดูแลเยียวยาเกษตรกร โดยการเพิ่มอัตราการช่วยเหลือเกษตรกรให้มากสุดเท่าที่จะทำได้เพื่อความเป็นธรรม(ประมาณ 55% ของต้นทุนการผลิต) 2.ยกระดับรายได้และรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร ด้วยการับจำนำพืชผลเกษตร 3 ชนิด คือ ข้าว, ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง
3.การจัดทำมาตรฐานสินค้าและการให้การรับรองกระบวนการผลิตและสินค้าให้ครอบคลุมหลากหลายชนิดมากขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันยุคการค้าเสรี โดยเฉพาะการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) 4.การมีส่วนร่วมของเกษตรกรผ่านสภาเกษตรกรแห่งชาติ โดยเร่งรัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเกษตรกรแห่งชาติให้เร็วที่สุด ซึ่งสามารถดำเนินการได้เร็วกว่าที่กฎหมายกำหนด
รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า จากการดำเนินงานที่ผ่านมา ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ก.ค.55) เฉลี่ยอยู่ที่ 108.52 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 104.28 หรือเพิ่มขึ้น 4.07% ขณะที่ GDP ภาคเกษตรขยายตัวเพิ่มขึ้นแม้ปัญหาอุทกภัยรุนแรงในปีที่ผ่านมาได้สร้างความเสียหายต่อพื้นที่ทางการเกษตรอย่างกว้างขวาง โดยคาดว่าในปี 55 GDP ภาคเกษตรจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 4.3%
ส่วนงานที่กระทรวงเกษตรฯ จะเร่งผลักดันตามแผนงานที่กำหนดไว้อย่างต่อเนื่อง เช่น 1.สภาเกษตรกร 2.ครัวไทยสู่ครัวโลก 3.การจัดทำเขตเศรษฐกิจสินค้าเกษตรสำคัญในสินค้าเกษตรตามยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด 18 กลุ่ม 4.การเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 5.การพัฒนาการผลิตสินค้าเกษตรโดยพัฒนาทั้งมาตรฐานและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และ 6.การบริหารจัดการน้ำ/ดิน โดยเร่งให้มีการบริหารจัดการน้ำในระดับประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับปรุงคุณภาพดิน การจัดที่ดินทำกิน และการคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรรม