ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ(กนย.) ซึ่งมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธาน มีมติอนุมัติงบประมาณ 30,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการรักษาเสถียรภาพราคายางพารา โดยจะรับซื้อยางแผ่นดิบที่ 100 บาท/กก. และยางแผ่นรมควันชั้น 3 ที่ 104 บาท/กก. ทั้งนี้จะเริ่มมีผลตั้งแต่ 1 ต.ค.55- 31 มี.ค.56 เป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยจะมีการทยอยขออนุมัติใช้วงเงินจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) คราวละ 5 พันล้านบาท
"ที่ประชุมฯ มีมติเรื่องการรักษาเสถียรภาพราคายาง โดยจะขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีในกรอบวงเงิน 3 หมื่นล้านบาท และขออนุมัติเบิกจ่ายคราวละ 5 พันล้านบาท"นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังจะมีการตั้งวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 15,000 ล้านบาท เพื่อให้เอกชนกู้ไปใช้ในการรับซื้อยางดิบเก็บไว้ในสต็อก โดยจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อดังกล่าวร่วมกัน ซึ่งประกอบด้วย ตัวแทนจากกระทรวงการคลัง ผู้ประกอบการส่งออกยางพาราทุกสมาคม องค์การสวนยาง และกรมวิชาการเกษตร
รมช.เกษตรและสหกรณ์ คาดว่า มาตรการที่ได้รับอนุมัติจาก กนย.ทั้งสองส่วนนี้จะสามารถเก็บยางพารามาไว้ในสต็อกได้ราว 3 แสนตัน ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ราคายางพาราปรับเพิ่มขึ้น โดยวันนี้ราคายางที่ตลาดกลางหาดใหญ่อยู่ที่ 83.24 บาท/กก.ขณะที่ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดจีนและญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นไปแล้ว
"ขณะนี้ราคายางขยับตัวดีขึ้น และมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในแนวบวก ซึ่งเป็นผลจากนโยบายของรัฐบาลที่เดินมาถูกทางแล้ว และจะเดินหน้าต่อไป ประกอบกับขณะนี้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกค่อนข้างนิ่ง"นายณัฐวุฒิ กล่าว
รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ในระยะยาวรัฐบาลมีแนวคิดที่จะเพิ่มการใช้ยางพาราในประเทศ ด้วยการนำมาใช้เป็นวัสดุลาดผิวถนน โดยมอบหมายให้กรมวิชาการเกษตรและองค์การสวนยางไปหารือกับกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท เพื่อนำร่องจัดทำโครงการก่อสร้างก่อสร้างถนนต้นแบบ ซึ่งจะใช้เป็นตัวอย่างในการเชิญชวนผู้ประกอบการ นักลงทุน และทูตประเทศต่างๆ ให้เข้ามาร่วมสังเกตุการณ์ นอกจากนี้ยังมีแนวคิดที่จะนำไปใช้ผลิตเป็นหมอนรางรถไฟ โดยจะให้ทางการรถไฟแห่งประเทศไทยรับไปศึกษาอีกด้วย