นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวในการแถลงผลงานครบ 1 ปี ภายใต้ความรับผิดชอบถึงปัญหาราคายางว่า ขณะนี้ราคายางปรับตัวดีขึ้น จากสถานการณ์ในตลาดโลกและนโยบายการแก้ไขปัญหาของภาครัฐ โดยในช่วงสัปดาห์ก่อนราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 75-77 บาท/กก. แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาขยับอยู่ในแดนบวกต่อเนื่อง จนล่าสุดราคายางพาราแผ่นดิบที่ตลาดกลางหาดใหญ่อยู่ 83.24 บาท/กก.เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 2.69 บาท/กก. ซึ่งถือว่าเป็นจังหวะเพิ่มมากที่สุดในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เชื่อว่า ราคายางพาราจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหลังจากนี้จะมีการประชุมความร่วมมือระหว่างประเทศไทย อินโดนีเซีย และ มาเลเซีย ร่วมกันทุกเดือน เพื่อวางมาตรการควบคุมดูแลราคายางพาราในตลาดร่วมกัน ขณะเดียวกันการเดินทางไปประชุมเอเปคที่ประเทศรัสเซียของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีก็ได้มีการเจรจาในระดับทวิภาคกับผู้นำของประเทศมาเลเซียและผู้นำอินโดนีเซียว่า จะจับมืออย่างทรงพลังในการดูแลและยกระดับราคายางพารา
และในต้นเดือนต.ค.นี้ตนจะเป็นตัวแทนในนามประเทศไทยและเป็นตัวแทนของอินโดนีเซียและมาเลเซียเดินทางไปเวียดนาม เพื่อเชิญชวนเข้าร่วมมือกลไกนี้ หากเวียดนามตอบรับก็จะเชิญมาร่วมประชุมไตรภาคีสภายางพารา (ITRC) ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือนธ.ค.นี้ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มงานสหกรณ์ ที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับการเสนอให้หน่วยงานของภาครัฐที่ต้องการใช้เงินให้หน่วยงานเหล่านั้นออกเป็นพันธบัตร และให้ใช้เงินภายใต้การดูแลของกรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นวงเงินสินเชื่อเข้าซื้อพันธบัตรเหล่านั้น
ซึ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา การประปาส่วนภูมิภาคขออนุมัติงบประมาณ 850 ล้านบาท เพื่อใช้ใน 9 โครงการ ซึ่งตนก็ได้เสนอให้ใช้เม็ดเงนในระบสหกรณ์เข้าซื้อพันธบัตรดังกล่าว ที่ประชุมครม.เห็นชอบ ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือของกรมส่งเสริมสหกรณ์ สำนักบริหารหนี้สาธารณะ และการประปาส่วนภูมิภาค คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า
สำหรับการจัดงานขายสินค้าของกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นระยะเวลา 20 วัน นั้น ก่อให้เกิดมูลค่าการซื้อขายสูงกว่า 144 ล้านบาท และในวันที่ 23ก.ย.นี้ ตนจะเดินทางไปประเทศจีน เพื่อเจรจาขอนำสินค้าสหกรณ์ของไทยไปวางจำหน่ายในประเทศจีนอีกด้วย ซึ่งหากทางจีนสนใจก็จะได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (MOU) ในลำดับถัดไป