นายจู หมิน รองผู้อำนวยการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่า การส่งออกที่ชะลอตัวลงและความผันผวนของกระแสเงินทุนกำลังท้าทายบทบาทของเอเชียในการช่วยผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายจูกล่าวในการหารือคณะกรรมการระหว่างเวิลด์ อิโคโนมิค ฟอรัมประจำปี 2555 ที่จัดขึ้นที่เมืองเทียนจิน ทางตอนเหนือของจีนว่า เศรษฐกิจของเอเชียยังคงแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆทั่วโลก ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่ดีขึ้นกว่าช่วงที่ภูมิภาคเผชิญวิกฤตการเงินเมื่อปี 2541
อย่างไรก็ตาม นายจูกล่าวว่าเอเชียยังคงต้องหาทางรับมือกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของภูมิภาคและกระแสเงินทุนไหลเข้าและออกจากภูมิภาคที่ผันผวนมากขึ้น
นายจูกล่าวเพิ่มเติมว่าไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตรายปีของเอเชียจะลดลงสู่ระดับ 5.5% ในปีนี้ จาก 5.9% ในปี 2554 และ 8.5% เมื่อปี 2553
ในขณะเดียวกัน เงินทุนต่างประเทศได้เคลื่อนไหวเข้าและออกจากเอเชียบ่อยครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ซึ่งได้เพิ่มความเสี่ยงที่อาจทำให้ตลาดไร้เสถียรภาพ
นายจูกล่าวว่า เงินทุนต่างประเทศได้สะพัดออกจากเอเชียในช่วงวิกฤตการเงินโลกเมื่อปี 2551 และ 2552 และได้หลั่งไหลกลับเข้ามาสู่ภูมิภาคในปี 2553 แต่ก็ได้ออกไปอีกครั้งในปี 2554 และในขณะนี้เงินทุนต่างประเทศก็ได้ไหลกลับเข้าสู่เอเชียอีกครั้งหนึ่ง
แม้ว่าเอเชียจะยังสามารถรักษาสถานะผู้นำทางเศรษฐกิจไว้ได้ แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ซึ่งรวมถึง ความพยายามในการการขยายตัวอย่างยั่งยืนมากขึ้น, การเพิ่มห่วงโซ่คุณค่าของการผลิต และการกระตุ้นศักยภาพของภาคอุตสาหกรรมบริการ นายจูกล่าว พร้อมเสริมว่าส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือ การผลิต เนื่องจากเอเชียเป็นฐานการผลิตของโลก