กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค.ปรับตัวขึ้น 1.7% จากเดือนก.ค.ที่เพิ่มขึ้นเพียง 0.3% โดยดัชนี PPI เดือนที่แล้วเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2552 ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น
ราคาพลังงานที่ปรับตัวขึ้นถึง 6.4% ในเดือนส.ค.เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อในระดับค้าส่งพุ่งสูงขึ้น โดยราคาขายส่งพลังงานเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ. เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินที่ทะยานขึ้นถึง 13.6% ในเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากสุดในรอบ 3 เดือน นอกจากนี้ ราคาเชื้อเพลิงประเภทอื่นๆก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีก ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและอเมริกาเหนือที่ทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากที่เพิ่งเกิดเหตุการณ์สังหารเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำลิเบียไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมต้นทุนอาหารและพลังงานที่มีความผันผวน ขยับขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนส.ค. ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 0.4% ในเดือนก.ค.
เมื่อเทียบเป็นรายปี ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 2.0% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนี PPI พื้นฐานเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 2.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
ถึงแม้ดัชนีราคาผู้ผลิตพุ่งสูงขึ้นมากในเดือนส.ค. แต่ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าเป้าหมาย 2.0% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กำหนดไว้ ขณะที่ดัชนี PPI พื้นฐานก็บ่งชี้ว่า ภาวะเงินเฟ้อโดยทั่วไปยังไม่ถึงขั้นรุนแรง ซึ่งสถานการณ์เงินเฟ้อเช่นนี้เองเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม