สกุลเงินดอลลาร์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือนเมื่อเทียบกับเงินเยนและยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 (QE3) ในการประชุมเมื่อวานนี้
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.2985 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.2894 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.6154 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6102 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9348 ฟรังค์ จากระดับ 0.9376 ฟรังค์ และดิ่งลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 77.45 เยน จากระดับ 77.87 เยน
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) มีมติให้ใช้มาตรการ QE3 ด้วยการซื้อหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน นอกจากนี้ เอฟโอเอ็มซียังมีมติให้ขยายเวลาการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษออกไปจนถึงกลางปี 2558 จากเดิมที่เคยกำหนดไว้ถึงช่วงกลางปี 2557
ทั้งนี้ เฟดระบุว่าการใช้มาตรการ QE3 ด้วยการซื้อ MBS ซึ่งจะช่วยให้เฟดสามารถเพิ่มการถือครองหลักทรัพย์ระยะยาวได้อีก 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในแต่ละเดือนจนถึงสิ้นปี 2555 นั้น จะช่วยลดแรงกดดันของอัตราดอกเบี้ยระยะยาว,สนับสนุนการทำธุรกรรมในตลาดกู้จำนอง และยังช่วยผ่อนคลายภาวะตึงตัวด้านการเงินในวงกว้างด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้มาตรการ QE3 ถูกคาดหวังว่าจะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่มาตรการ QE มักทำให้นักลงทุนเทขายสกุลเงินดอลลาร์ เนื่องจากมาตรการดังกล่าวจะทำให้เม็ดเงินในระบบมีปริมาณสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้มูลค่าของสกุลเงินดอลลาร์ลดน้อยลง
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 ก.ย. เพิ่มขึ้น 15,000 ราย มาอยู่ที่ 382,000 ราย ซึ่งมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการในสัปดาห์ที่แล้วจะอยู่ที่ 370,000 ราย โดยมีสาเหตุมาจากพายุโซนร้อนไอแซคที่พัดเข้าถล่มรัฐริมอ่าวเม็กซิโกเมื่อช่วงปลายเดือนที่แล้ว
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค., ยอดค้าปลีกเดือนส.ค., ข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิตเดือนส.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนก.ย. และตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ค.