สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 (QE3) ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดี
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.3117 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.2985 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.6223 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6154 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.92743 ฟรังค์ จากระดับ 0.9348 ฟรังค์ และลดลงแตะ 0.9702 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.6154 ดอลลาร์แคนาดา
อย่างไรก็ดี ดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะดำเนินการบางอย่างตามรอยสหรัฐ โดยดอลลาร์ซื้อที่ 78.30 เยน เพิ่มขึ้นจากระดับ 77.45 เยน
โบรกเกอร์กล่าวว่า เฟดมีจุดมุ่งหมายที่จะปกป้องเศรษฐกิจภายในประเทศ เช่นเดียวกับธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ที่ประกาศโครงการซื้อพันธบัตรของประเทศที่ประสบปัญหาหนี้ในยูโรโซน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) อาจจะใช้มาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันในระยะนี้ โดยเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อเทียบกับยูโร เนื่องจากนักลงทุนรอดูความเคลื่อนไหวจากธนาคารกลางสหรัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
โดยหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) มีมติให้ใช้มาตรการ QE3 ด้วยการซื้อหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน รวมทั้งมีมติให้ขยายเวลาการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษออกไปจนถึงกลางปี 2558 จากเดิมที่เคยกำหนดไว้ถึงช่วงกลางปี 2557 ดอลลาร์ก็ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนเมื่อเทียบกับเงินเยน และแตะระดับต่ำใน 4 เดือนเมื่อเทียบยูโร
แรงเทขายดังกล่าวดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงวันศุกร์ หนุนให้สกุลเงินยูโรแตะระดับสูงสุดที่ 1.3169 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค.ที่ยูโรแตะระดับ 1.31 ดอลลาร์
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้า 6 สกุลเงิน ร่วงแตะ 78.731 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่พ.ค.